วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

ททท. จัดพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 14ตอกย้ำยกระดับห่วงโซ่อุปทานสู่มาตรฐานความยั่งยืน



เย็นวันที่ 27 กันยายน 2566 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 254 ราย 

พร้อมตอกย้ำเป้าหมายการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Sustainable Tourism Goals : STGs สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (High Value and Sustainability) ด้วยสาขารางวัลใหม่ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability) ณ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพมหานคร 

นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. จึงได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล (Beyond Standard) ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) ด้วยการต่อยอดขยายสาขารางวัลของโครงการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือ รางวัลกินรี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้กระจายสู่เศรษฐกิจของประเทศในทุกระดับอย่างกว้างขวางและทั่วถึง
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism Goals : STGs มุ่งสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model โดยปีนี้ ททท. ได้เพิ่มประเภทรางวัลการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (Low Carbon & Sustainability) เพื่อตอกย้ำจุดยืนต่อความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ พร้อมยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (High Value and Sustainability) ซึ่งรางวัลดังกล่าว จะช่วยสร้างจุดเด่น เพิ่มมูลค่า และเพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และคุณค่าในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทุกภาคส่วนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างแข็งแรงและยั่งยืนต่อไป
สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 มีผู้ประกอบการส่งผลงานสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 908 ราย จาก 5 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย ประเภทแหล่งท่องเที่ยว ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประเภทรายการนำเที่ยว และประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน และมีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกชนะรางวัล รวมทั้งสิ้น 353 ราย โดยแต่ละประเภทได้รับคัดสรรผลงานที่มีคุณภาพ แบ่งเป็น 3 สาขารางวัล ได้แก่ รางวัล Thailand Tourism Gold Award (ยอดเยี่ยม) Thailand Tourism Award (ดีเด่น) และเกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Certificate) ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ รางวัลประเภท Thailand Tourism Gold Award (ยอดเยี่ยม) จำนวน 76 ราย รางวัล Thailand Tourism Silver Award (ดีเด่น) 169 ราย และ เกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย 99 ราย ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล Thailand Tourism Gold Award ต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง จะได้รับมอบรางวัล Hall of Fame โดยในปี 2566 นี้มีจำนวนรวม 9 ราย ได้แก่ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย จ.เพชรบูรณ์, พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี จ.ลำปาง, สวนสัตว์ขอนแก่น จ.ขอนแก่น, อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง, ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ต จ.กระบี่, โรงแรมเอซ ออฟ หัวหิน รีสอร์ท จ.เพชรบุรี, ศิรา สปา จ.เชียงใหม่, คามาลายา สปา จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ พิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ในวันที่ 27 กันยายน 2566 จะมีการมอบรางวัลแก่ผู้ผ่านการคัดเลือกชนะรางวัลในสาขารางวัล Thailand Tourism Gold Award (ยอดเยี่ยม) Thailand Tourism Award (ดีเด่น) และรางวัล Hall of Fame จำนวนทั้งสิ้น 254 ราย
ขณะที่ รางวัลสาขาใหม่ ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability) 
มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ราย ประกอบด้วย รางวัลรางวัลยอดเยี่ยม จำนวน 5 ราย ได้แก่ ขิงแดง รีสอร์ท จ.กระบี่ สยามเบย์ชอร์ 
รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี คอลเล็คชั่น จ.เชียงราย พีชฮิลรีสอร์ท จ.ภูเก็ต และชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตําบลบางกอบัว จ.สมุทรปราการ และรางวัลดีเด่น จำนวน 13 ราย โดยสถานประกอบการดังกล่าวจะต้องมีนโยบาย มาตรการ ความคิดริเริ่ม ในการจัดการคาร์บอนต่ำ(Low Carbon) อย่างเป็นรูปธรรม ใส่ใจต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Emergency) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงความสมดุลสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 ได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismawards หรือ facebook.com/thailandtourismawards

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

ททท. จับมือ ช่อง One 31 ปลุกกระแสท่องเที่ยวภาคอีสาน ตามรอยละคร “พนมนาคา” ​


เช้านี้ (27 กันยายน 2566) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือ ช่อง One 31 
แถลงข่าวความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำมิติของการท่องเที่ยวผนวกกับมิติของความบันเทิง ต่อยอดกระแสละครเรื่อง “พนมนาคา” ภายใต้แนวคิด “ศรัทธานำทาง เส้นทางนำเที่ยว” 
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์จริงในพื้นที่  โดยมีนางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.  และนายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานกรรมการบริหารของเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ ณ ชั้นจี อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส กรุงเทพฯ
นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.  กล่าวว่า ตามที่ ททท. ขานรับนโยบายการขับเคลื่อน
เศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว และยังคงมุ่งเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) อย่างต่อเนื่อง ผ่าน Soft Power (5F)  ประกอบกับช่วงเวลานี้ ช่อง One 31 ได้ดำเนินการผลิตละคร 
“พนมนาคา” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรม จึงเป็นโอกาสในการต่อยอดนำมิติของการท่องเที่ยวผนวกกับมิติของความบันเทิง โดยชูจุดแข็ง จุดขายในพื้นที่ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวสายมูและสายศรัทธา สะท้อนอัตลักษณ์ วิถีชีวิตท้องถิ่น และความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ “นาค” เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติประเภทสัตว์ในตำนาน จึงถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าแก่ต้นทุนทางวัฒนธรรม ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ นำไปสู่การสร้างรายได้หมุนเวียนสู่ฐานรากอย่างทั่วถึงผ่านการท่องเที่ยวด้วย
ภายใต้ความร่วมมือนี้ ททท. เตรียมออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้แนวคิด “ศรัทธานำทาง เส้นทางนำเที่ยว” ตามรอยพญานาค ความเชื่อ ความศรัทธา และ วัฒนธรรมที่อยู่คู่คนไทย เพื่อสร้างกระแสและแรงบันดาลใจให้กลุ่มแฟนคลับละครออกเดินทางท่องเที่ยวตามรอยละคร ไปยังสถานที่ต่างๆ ในภาคอีสาน โดยนำร่องประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวจากสถานที่ถ่ายทำละครที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อพญานาคในกลุ่มจังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง เช่น นครพนม มุกดาหาร สกลนคร หนองคาย บึงกาฬ และเชื่อมโยงถึงจังหวัดใกล้เคียงในภูมิภาค เช่น อุบลราชธานี อํานาจเจริญ หนองบัวลําภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ รวมทั้งสอดแทรกการเผยแพร่ประเพณีของแต่ละจังหวัด เช่น ประเพณีออกพรรษา ไหลเรือไฟ จ.นครพนม บั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดประชาสัมพันธ์จัดทำสกู๊ปท่องเที่ยวรายการ “คชาภา พาไปมู” จำนวน 2 ตอน ได้แก่ 1. พาไปมูที่จังหวัดมุกดาหาร-นครพนม สัมผัสเรื่องราวปาฏิหาริย์ของพญานาค เส้นทางแหล่งท่องเที่ยว องค์พญาศรีมุกดามหามุรีนีลปาลนาคราช สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2 วัดธาตุมหาชัย และพระธาตุพนม 2. ตามรอยพญานาค จ.หนองคาย-บึงกาฬ-อุดรธานี เช่น วัดไทย จ.หนองคาย วัดอาฮง จ.บึงกาฬ พระธาตุหล้าหนอง จ.หนองคาย และ คำชะโนด จ.อุดรธานี และยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบ On Ground และประชาสัมพันธ์ละคร “พนมนาคา” โชว์เคสนำเสนอวัฒนธรรมอีสานทุกมิติ เช่น โซน“ม่วนคัก” ไปกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม, โซน “งามแท้” นำเสนองานหัตถศิลป์ ของดีของเด็ด 7 จังหวัดถิ่นอีสาน และตอกย้ำคอนเซปต์ “อีสาน...ไปไสกะแซ่บ” กับวัฒนธรรมอาหาร จัดเต็มเมนูต้นตำรับ รสชาติแซ่บคักไม่เหมือนใคร ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกชิมช้อปอย่างจุใจ
ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ ทาง แฟนเพจเฟสบุ๊กของ ททท. สำนักงานภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 8 สำนักงาน ได้แก่ ททท. อุบลราชธานี www.facebook.com/tatubon 
, ททท. สำนักงานนครราชสีมา www.facebook.com/TATNakhonratchasima , ททท. สำนักงานขอนแก่น www.facebook.com/TAT.KhonKaenOffice, ททท.  สำนักงานอุดรธานี www.facebook.com/tatudon
ททท. สำนักงานนครพนม www.facebook.com/TATNakhonphanomFanpage ,ททท. สำนักงานเลย www.facebook.com/TATLoei , ททท. สำนักงานบุรีรัมย์ www.facebook.com/TATBuriram8
, ททท. สำนักงานสุรินทร์ https://www.facebook.com/tatsurin และสามารถติดตามละคร “พนมนาคา” ได้ทางช่อง One31  และชมย้อนหลังได้ทางแอปพลิเคชัน One D

-----------------------------

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566

อิมแพ็คฯ ผนึกพันธมิตรเอาใจคนรักสัตว์จัด “​มหกรรมสัตว์เลี้ยง SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition ครั้งที่ 13 สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี”


อิมแพ็ค ฯ จับมือ ส.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย และ เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป เอาใจคนรักสัตว์ จัดใหญ่กิจกรรมส่งท้ายปี ในมหกรรมสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition “ ภายใต้แนวคิด Pet Lympic ” ที่จะท้าประลองความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์เลี้ยง ระหว่างวันที่ 5 – 8 ตุลาคม 2566  ณ อาคาร 7-8 อิมแพคเมืองทองธานี

นางสาวกุลวดี  จินตวร  ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นแมนเนจเม้นท์ จำกัดเปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2566 นี้บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย (TPIA) และ บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด จัดงาน SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition ครั้งที่ 13  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงให้มีโอกาสพบปะผู้บริโภคที่เลี้ยงสัตว์ในรูปแบบการจัดแสดงสินค้าในลักษณะงานวาไรตี้ ครอบคลุมสัตว์เลี้ยงหลายหลายประเภท (Pet Variety) และยังเป็นการเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงด้วยเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพสัตว์เลี้ยงมากขึ้นในทุก ๆ ปี
“ปีนี้เราก็เดินทางมาถึงครั้งที่ 13 แล้ว จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Pet Lympic ที่จะท้ามาประลองความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ ที่มาร่วมสนุกกันภายในงาน เราอยากเอาใจเหล่า Pet Parent จึงได้จัดกิจกรรมส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่เหมือนเดิม” นางสาวกุลวดีกล่าว


สำหรับการจัดงานภายใต้แนวคิด Pet Lympic ครั้งนี้จะเป็นการท้ามาประลองความแข็งแกร่งของเหล่าบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งทางด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ ที่จะมาร่วมสนุกกันภายในงาน ตั้งแต่รูปแบบโปรแกรมการแข่งขันระดับ Fun Show การแข่งขันมาหาแม่มา AWARD และ แข่งแมวเลีย หมาเลีย แชมป์เปี้ยนชิพ และไฮไลท์ที่ห้ามพลาดในการแข่งขันศึกในตำนานที่เคยมียอดผู้เข้าชมกว่า 51 ล้านวิวในยูทูป “วิ่งแข่งกระต่ายกับเต่า” ที่จะให้กระต่ายมาล้างแค้นเต่า โดย Pet Influencers



นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันระดับนานาชาติ อาทิ การประกวดตัดขนแมวระดับโลกที่ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในไทย “1st ISFC Grooming Certification & Competition 2023”, การประกวดแมวจากสมาคม SCFC, การแข่งขันพิทบูลลากน้ำหนักชิงแชมป์ประเทศไทย, ประกวดไก่และนกหงส์หยก, ประกวดกุ้งสวยงามชิงแชมป์ , ประกวดแมงมุมทารันทูล่าและอีกมากมาย


ขณะที่ นายนิติพงศ์ เลาหวิศิษฏ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยกล่าวถึงภาพรวมสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยด้วยวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างเช่น เลี้ยงง่ายไม่ยุ่งยาก พื้นที่อยู่อาศัยที่จำกัด ภาวะสังคมที่ประชากรมีภาวะการเกิดทารกที่น้อยลง เป็นต้น ล้วนส่งผลให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแมว ซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุดเป็นอันดับ1 ได้แก่ สุนัข รองลงมาคือแมว  และอันดับ 3-5 เป็นสัตว์เอ็กโซติก ตามลำดับ


นายนิติพงศ์ยอมรับว่า ความแตกต่างของตลาดสัตว์เลี้ยงมักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละกลุ่มคนเลี้ยง เช่นนิสัยเจ้าของ พื้นที่ในการเลี้ยง ความชอบส่วนบุคคล และอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลไปยังกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาจับตลาดสัตว์เลี้ยงในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มคนรักสุนัข และแมวก็จะไม่เหมือนกัน   โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์และความต้องการของผู้เลี้ยงเป็นหลัก เช่นอาหารสัตว์เลี้ยง ที่คาดว่าเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงจะมุ่งไปสู่ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการสินค้าที่สอดคล้องกับ Lifestyle ซึ่งอาหารสัตว์เลี้ยงทางเลือกเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมจะมาจากพืช เช่น ถั่ว ข้าวโอ๊ต และเห็ด เป็นต้น หรือ สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly Destination) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันยังมีความต้องการที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตลาดอาจจะมีการรองรับที่ยังไม่เพียงพอในบางธุรกิจ เนื่องจากส่วนมากคนเลี้ยงสัตว์เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อเยอะทำให้มีความต้องการสูง เช่น ธุรกิจโรงแรมรับฝากสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาบน้ำตัดขนสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและมีอัตราการเจริญเติบโตมากถึง 20% ต่อปี



“การเลี้ยงสัตว์เปรียบเสมือนการดูแลคนในครอบครัว เมื่อตัดสินใจรับเข้ามาเลี้ยงแล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบที่จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต การเลี้ยงตามแฟชั่น หรือการเลี้ยงเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จะนำมาซึ่งปัญหาของสังคมตามมามากมาย”
อุปนายกอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทยกล่าวย้ำ พร้อมแนะปัจจัยพื้นฐาน 3 ข้อสำหรับคนที่สนใจเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ สถานที่เลี้ยง เวลาในการเลี้ยงและค่าใช้จ่ายในการดูแล ทั้ง 3 ปัจจัยนี้จะต้องมีพร้อม ไม่สามารถขาดข้อใดข้อหนึ่งได้ เพราะหากรับมาเลี้ยงแล้ว แต่ไม่สามารถเลี้ยงเขาได้ จะกลายเป็นภาระอันหนักหน่วง  

 

ด้านนางสาวโชษิตา  เทียนสว่าง  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงว่าจะแบ่งออกตามหมวดหมู่ความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข แมว นก สัตว์ฟันแทะ ปลาสวยงาม ปลาคาร์พ หรือแม้กระทั่งม้า โดยบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมามากมายเพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของสัตว์เลี้ยง โดยจะแยกผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่มอย่างชัดเจน เช่นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสุนัข กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแมว กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารนกและสัตว์ปีก เป็นต้น


“สำหรับกิจกรรมภายในงาน ทางบริษัทฯ ได้จัดบูธถึง 3 บูธ  ในส่วนของน้องแมวนั้น จะมีกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ คือ การประกวด “แมวสวยตาใส ขวัญใจมีโอ” ซึ่งถือว่าเป็นการประกวดเดียวที่ไม่คำนึงถึงสายพันธุ์ ขอเพียงแค่น้องแมวนั้นมีสุขภาพที่ดี ได้รับการดูแลที่ดี ขนสวย ตาใส ถูกใจมีโอและผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลชนะเลิศถึง 7,000 บาท พร้อมผลิตภัณฑ์จากมีโอ นอกจากนั้นยังมีรางวัลใหม่ สำหรับท่านใดที่มีแมวสูงวัย 7+ ขึ้นไป ก็จะมีรางวัลพิเศษให้อีก 3,000 บาท ในกรณีที่มีน้องแมวอายุ 7+ มาเกิน 3 ตัว


นางสาวกุลวดี  จินตวร กล่าวเชิญเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงและกลุ่มคนรักสัตว์มาเที่ยวชมงานและร่วมกิจกรรมภายในงาน จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 5 – 8 ตุลาคม 2566  ณ อาคาร 7 - 8 อิมแพคเมืองทองธานี โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 150,000 คน สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 60 ล้านบาทตลอดทั้ง 4 วัน บัตรเข้าชมงาน 20 บาท (สัตว์เลี้ยงและเด็กสูงต่ำกว่า 120   ซม.เข้าฟรี) โดยบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการกุศลช่วยเหลือคนสัตว์พิการ

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวของงานผ่าน www.pet-variety.com หรือ facebook.com/PetVariety หรือ LINE Official : @Petvariety

วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2566

สทนช. ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน จ.อุตรดิตถ์

วันนี้ (18 ก.ย.66) นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำ และติดตามการดำเนินงานตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 และ 3 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ ณ เขื่อนทดน้ำผาจุก อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี และเขื่อนสิริกิติ์ 
รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 ถึงปัจจุบัน 
น้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 16 และในพื้นที่ภาคเหนือน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 25 สำหรับสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี (ความจุเก็บกัก 73.7 ล้านลูกบาศก์เมตร) มีปริมาณน้ำเก็บกัก 24.16 ล้าน ลบ.ม. (32.78%) คิดเป็นปริมาณน้ำใช้การ 19.13 ล้าน ลบ.ม. (27.86%) และเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญในลุ่มน้ำน่าน (ความจุเก็บกัก 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร) มีปริมาณน้ำเก็บกัก 4,890 ล้าน ลบ.ม. (51%) คิดเป็นปริมาณน้ำใช้การ 2,040 ล้าน ลบ.ม. (31%) ซึ่งมีปริมาณน้ำน้อยกว่า ปี 65 จำนวน 894 ล้าน ลบ.ม. จากการตรวจสอบพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์พบพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร จำนวน 4 ตำบล ได้แก่ ต.วังแดง อ.ตรอน และ ต.ท่าสัก ต.ท่ามะเฟือง ต.นาอิน อ.พิชัย และพบพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งจากปริมาณน้ำฝนน้อย
48 ตำบล 9 อำเภอ ได้แก่ ต.บ้านแก่ง ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน ต.ผักขวง ต.ป่าคาย ต.น้ำพี้ อ.ทองแสนขัน ต.ท่าปลา ต.หาดล้า ต.ผาเลือด ต.จริม ต.น้ำหมัน ต.นางพญา ต.ร่วมจิต อ.ท่าปลา ต.แสนตอ ต.บ้านฝาย ต.เด่นเหล็ก 
ต.น้ำไคร้ ต.น้ำไผ่ ต.ห้วยมุ่น ต.ท่าแฝก อ.น้ำปาด ต.บ้านโคก ต.นาขุม อ.บ้านโคก ต.ในเมือง ต.ท่าสัก ต.นายาง อ.พิชัย ต.ฟากท่า ต.สองคอน ต.บ้านเสี้ยว ต.สองห้อง อ.ฟากท่า ต.ท่าเสา ต.บ้านเกาะ ต.ป่าเซ่า ต.คุ้งตะเภา ต.หาดกรวด ต.น้ำริด ต.งิ้วงาม ต.บ้านด่านนาขาม ต.บ้านด่าน ต.ผาจุก ต.วังดิน ต.แสนตอ ต.หาดงิ้ว ต.ขุนฝาง ต.ถ้ำฉลอง อ.เมืองอุตรดิตถ์ และ ต.แม่พูล ต.นานกกก ต.ฝายหลวง ต.ชัยจุมพล ต.ด่านแม่คำมัน อ.ลับแล 
ทั้งนี้ รองเลขาธิการฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 และ 3 มาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญอย่างเคร่งครัด และกำชับทุกหน่วยงานเตรียมแผนการรับมือ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ทันกับสถานการณ์
รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดทำผังน้ำก่อให้เกิดประโยชน์ทำให้ทราบถึงเส้นทางน้ำ รูปตัดลำน้ำ ติดตามการระบายน้ำและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ ผังน้ำยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจในการสร้างที่อยู่อาศัย โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม ไม่ให้อยู่ในพื้นที่น้ำหลากหรือกีดขวางทางระบายน้ำ รวมถึงเสนอแนะการใช้ประโยชน์ที่ดินในขอบเขตพื้นที่ตามระบบทางน้ำที่ได้กำหนดแนวเขตไว้ โดยผังน้ำจะกำหนดขอบเขตชัดเจนว่า บริเวณใดเป็นพื้นที่สงวนไว้ให้ทางน้ำโดยเฉพาะ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ขณะนี้การจัดทำผังน้ำ ลุ่มน้ำน่าน ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้นำไปรับฟังความคิดเห็นเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 และ 7 กันยายน 2566 พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียในเขตผังน้ำมีสิทธิเสนอข้อสอบถาม ข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นต่อผังน้ำและรายการประกอบผังดังกล่าว โดยให้ทำเป็นหนังสือ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้ (www.onwr.go.th)”

วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2566

เที่ยวไปไหนดี กับภารกิจ 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ในสัปดาห์ที่สิบห้า ของนักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

พลาดไม่ได้ กับภารกิจในสัปดาห์นี้ ที่จะพาทุกท่านไปเที่ยวแบบจุใจ ไปเที่ยวชมทะเลหมอก ตากอากาศเย็นๆ ที่ภูทับเบิก แวะไปชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ พร้อมชมดอกไม้กำลังเบ่งบาน ที่น้ำตกหมันแดง และพักเติมพลังกาย กับอาหารสุดอร่อย ที่ร้านบัวยี่ กำแพงเพชร บอกเลยว่าฟินสุดๆ ถ้าไม่ไปเที่ยวตาม ระวังจะว้าวุ่นเอานะ  
ในสัปดาห์ต่อไป นักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะพาคุณไปเที่ยวที่ไหน จะเหนือ กลาง ตะวันออก อีสาน หรือใต้ ติดตามได้ที่ เพจนักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/THtourist365 
แล้วคุณจะไม่พลาดเรื่องราวและที่เที่ยวดี ๆ จากนักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

#365วันมหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน
#AmazingThailand
#เที่ยวเมืองไทยAmazingยิ่งกว่าเดิม
#derbaag
#เดอะแบก
#นักท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย