วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2567

วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร นครปฐม

วัดพระประโทณเจดีย์
เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในวัดพระประโทณเจดีย์ ตำบลพระประโทน อยู่ห่างจากพระปฐมเจดีย์ไปตามถนนเพชรเกษมทางทิศตะวันออกเป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร
ไม่เพียงแต่องค์พระปฐมเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์และโด่งดัง ที่นักท่องเที่ยวต้องไปกราบสักการบูชาเมื่อมาเที่ยวนครปฐม หากโบราณสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ต้องไปชมให้ได้นั่นก็คือ 'พระประโทณเจดีย์' โบราณสถานที่ตั้งอยู่ในวัดพระประโทณเจดีย์ 


โดยรูปแบบเดิมเป็นทรงโอคว่ำ ตามลักษณะของเจดีย์สมัยทวารวดี และเนื่องจากวัดแห่งนี้ตั้งอยู่กลางเมืองโบราณนครชัยศรี 

ดังนั้นในบริเวณวัดจึงมีการขุดพบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป เศียรพระพุทธรูปปูนปั้น พระดินเผา รวมทั้งโลหะสำริดรูปพญาครุฑเหยียบนาค ซึ่ง รัชกาลที่ 6 ทรงใช้เป็นเครื่องหมายราชการของพระองค์ นับเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญที่คนชอบท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดชมสอบถามเพิ่มเติม โทร. +66 3421 2011, +66 3421 2313, +66 3424 2440


📍วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร นครปฐม
https://maps.app.goo.gl/krdcPZ7FM7wSNB71A


วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2567

Jobsdb by SEEK เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ ตอบโจทย์ “Better Matches” จับคู่คนที่ใช่กับงานที่ชอบ ด้วย AI ระดับโลกจาก SEEK



12 มีนาคม 2567 Jobsdb by SEEK หนึ่งในบริษัทภายใต้ SEEK  แพลตฟอร์มหางานระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย เปิดกลยุทธ์แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ Better Matches - Better Experience - Better Advice พร้อมปลดล็อกประสบการณ์การสรรหาบุคลากรที่ดีกว่าเคยผ่าน AI ด้วย Unified แพลตฟอร์ม ของ SEEK ที่เชื่อมต่อกับผู้สมัครและผู้ประกอบการหลายล้านทั่วเอเชีย ณ “The Empire Residence” ชั้น 53  ตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์
หลังจากที่ Jobsdb by SEEK ได้เข้าร่วมกับ SEEK แพลตฟอร์มหางาน Tech Company ระดับโลกที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2011 และครอบคลุมกว่า 8 ประเทศ ทั่วเอเชียแปซิฟิก  ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์ รวมถึงขยายกิจการไปยังแถบลาติน-อเมริกา ได้แก่ บราซิลและเม็กซิโก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับผู้สมัครกว่า 40 ล้านคน และผู้ประกอบการกว่า 2.5 ล้านราย ในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงเทคโนโลยีและมาตรฐานการทำงานที่เป็นสากล และเพื่อให้ทันยุคเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน SEEK ได้นำเอา Technology AI เข้ามาช่วยในการจับคู่งานและผู้หางานให้ลงตัวยิ่งขึ้น ภายใต้คำว่า “Better Matches” ทำให้คนที่หางานได้พบงานที่ใช่ เหมาะสมกับความสามารถและความต้องการ ส่วนผู้ประกอบการสามารถหาผู้สมัครที่ตรงใจได้เร็วขึ้น
ซึ่งผ่านมากว่า 10 ปี กว่าจะเกิด Unification Program ของ SEEK ทั้งหมดเข้าด้วยกันนี้ นับจากที่ได้รวมเอา Jobsdb และ Jobstreet มาอยู่ภายใต้ SEEK และใช้เวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ กว่า 3 ปี เงินลงทุนกว่า 4,220 ล้านบาท (หรือ 180 ล้าน ดอลล่าร์ออสเตรเลีย) 
  Mr. Lewis NG Chief Operating Officer, SEEK Asia  (มร. ลูอิส เอิง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ ซีค เอเชีย) เปิดเผยถึง การรวมแพลตฟอร์มนี้ว่า “สำหรับ SEEK ทุกสิ่งที่เราทำล้วนแล้วแต่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกแง่มุม การรวมเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันได้ นั่นหมายถึงเราสามารถที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าของเราไปสู่ประชาชนทั่วเอเชียหลายล้านคน ในรูปแบบใหม่ และนั่นจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถค้นหางานและบุคลากรที่ตรงใจได้ง่าย สะดวกมากยิ่งขึ้น สิ่งนี้ทำให้ SEEK มีจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและเรายังได้บรรลุเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้คนกว่า 500 ล้านคน ได้พัฒนาเส้นทางอาชีพของตนภายใต้องค์กรกว่า  5 ล้านแห่งในภูมิภาคนี้ 




คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK เผยว่า อัตราการจ้างงานในครึ่งแรกของปี 2024 มีโอกาสเติบโตมากขึ้นถึงร้อยละ 54 คาดการณ์จากค่าเฉลี่ยจำนวนของประกาศงานบนเว็บไซต์ Jobsdb ต่อเดือนที่สูงขึ้นร้อยละ 59 และผู้ประกอบการที่มีความต้องการที่จะจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงให้เห็นว่าอัตราผู้ว่างงานในประเทศไทยต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลต่ออัตราการซื้อพื้นที่เพื่อลงประกาศงานในแพลตฟอร์มจัดหางานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 โดยผู้ประกอบการต่างมองหาวิธีจ้างงานได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ด้านผู้สมัครงานก็มองหาวิธีที่ทำให้ตนเองโดดเด่นขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดแรงงานที่ดุเดือด 
Jobsdb by SEEK เล็งเห็นความสำคัญในประเด็นนี้ จึงได้เปิดกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางาน ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.Better Matches ช่วยจับคู่การจ้างงานให้ได้คนที่เหมาะสมอย่างง่ายและรวดเร็วด้วยความฉลาดของ AI ในการค้นหา แนะนำและช่วยการคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม 2.Better Experience การจ้างงานไร้รอยต่อทั่วเอเชียแปซิฟิก พร้อมเข้าถึงกว่า 40 ล้านคนที่เป็นบุคลากรระดับเวิร์ลคลาส โดยผู้ประกอบการสามารถเพิ่มโอกาสในการค้นหาผู้หางานได้ทุกประเทศในเครือ SEEK 3.Better Advice กลยุทธ์เชิงรุกที่เพิ่มประสิทธิภาพในการสรรหาบุคลากรด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ของ SEEK ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประกาศงานและค่าใช้จ่าย เข้าใจ Demand และ Supply ของตำแหน่งงาน   รวมถึงรายงานจากแบบสำรวจและคำแนะนำในการจ้างงานที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้การสรรหาเป็นเรื่องง่ายและสามารถนำไปปรับให้เข้ากับกลยุทธ์การจ้างงาน




Mr. Neeraj Goswami Head of Product, SEEK  (มร.นีราช กอสวามี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค) ซีค เผยว่า SEEK มี เป้าหมายที่จะยกระดับประสบการณ์การสรรหาและจ้างงานบุคลากรที่ต้องการให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น บนการรวมแพลตฟอร์มในครั้งนี้ด้วยเทคโนโลยี AI จาก SEEK ที่มีฐานข้อมูลครอบคลุมทั้งเอเชียแปซิฟิกตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี พร้อมด้วยทีมงานมากกว่า 200 คน ที่ดูแลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกนี้ จึงนับเป็นประโยชน์ต่อ Jobsdb by SEEK อย่างมากโดยข้อมูลที่นำมาใช้งานยังได้มีการปรับปรุงให้เหมาะกับอินไซด์ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน สำหรับ Unification Program ของ SEEK พร้อมแล้วที่จะให้คำแนะนำที่ล้ำกว่าเดิมสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มคุณภาพในการสรรหาบุคลากรและเป็นต่อเหนือคู่แข่ง อาทิ การวิเคราะห์ข้อมูลที่อัปเดตผ่านแดชบอร์ด การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของประกาศงานกับคู่แข่งและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้สมัคร การให้คำแนะนำในการปรับปรุงประสิทธิภาพของประกาศงาน นอกจากนี้ระบบ Unification ยังได้เปิดให้บริการอีก 3 ส่วน ได้แก่ 1. AI Smarter Search ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมการค้นหาของผู้สมัครในอดีตเพื่อแสดงตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นให้กับผู้สมัคร ซึ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 โดยการใช้ AI ร่วมกับข้อมูลเชิงลึกของตลาดและข้อมูลของ SEEK 2. ปรับปรุงโปรไฟล์ของผู้สมัครและเสริมเครื่องมือในการแนะนำเพื่อส่งผลลัพธ์ในการจับคู่ผู้สมัครกับงานที่ดีกว่าเดิม และ 3.คำถามสำหรับผู้สมัครงาน แนะนำโดย AI เพื่อคัดกรองผู้สมัครที่ใช่ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น 
การรวมกันของแพลตฟอร์มจาก SEEK ในครั้งนี้เป็นการช่วยแนะนำผู้สมัครที่ตรงความต้องการของผู้ประกอบการ ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยี AI นี้ ยังช่วยให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงตามเนื้องานที่มีการเปิดรับอยู่สามารถมองเห็นโอกาสได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการค้นหาโดยใช้ภาษาสนทนาที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ได้อีกด้วย  
//////////////////////////////////////////////////////////////////////

เกี่ยวกับ ซีค ในเอเชีย
ซีค (SEEK) เป็นกลุ่มบริษัทที่มีความหลากหลาย ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจการจ้างงานออนไลน์ ธุรกิจด้านการศึกษา การค้า และอาสาสมัคร ซีคมีส่วนสนับสนุนในเชิงบวกต่อชีวิตของผู้คนในระดับโลก ซีคเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ซึ่งนับเป็นบริษัทชั้นนำ  100 อันดับแรกในออสเตรเลีย ในเอเชีย ซีคบริหารแบรนด์ชั้นนำอย่าง จ๊อบส์สตรีท (JobStreet) และ จ๊อบส์ดีบี (Jobsdb) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจ้างงานชั้นนำของภูมิภาคและเป็นเป้าหมายที่ผู้สมัครงานและผู้ว่าจ้างต้องการ ซีคดึงดูดผู้เข้าชมกว่า 500 ล้านคนต่อปีในตลาดทั้ง 6 แห่งที่ดำเนินการอยู่ ได้แก่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย
▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2567

วันช้างไทย... สัมผัสวิถีควาญช้างของชาวปกาเกอะญอ 12-13 มีค. 2567 นี้

ระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม 2567 ณ บ้านเพราะช้าง (บ้านยะพอ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก)
ร่วมสืบสานประเพณี พิธีทางจิตวิญญาณของคนกับช้าง สัมผัสวิถีควาญช้างของชาวปกาเกอะญอที่สืบสานและส่งต่อต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก จึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลวาเลย์ กำหนดจัดงาน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว (วันช้างไทย) เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของช้าง ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติ และ เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมการเลี้ยงช้างแบบดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอให้คงอยู่ต่อไป

 โดยมีกิจกรรม อาทิ 
1. กิจกรรมปั่นจักรยานส่งเสริมการท่องเที่ยว “Valley Bike ปั่นไปหาช้าง” ระยะทางจาก อบต.วาเล่ย์ - บ้านยะพอ 7 กิโลเมตร) ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นปีแรก เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบกีฬา มาปั่นจักรยานเที่ยวชมวิถีชุมชนท้องถิ่น
2. บูธพาช้างกลับบ้านพาควาญคืนถิ่น นำเสนอวิถีการเลี้ยงช้างตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน 
3. บูธอาหารถิ่น แสดงวิธีสาธิตอาหารถิ่นยอดนิยมของชาวปกาเกอะญอ 
4. บูธภาพถ่ายวิถีชนเผ่า แกลอรี่ภาพถ่ายวิถีคนวิถีช้าง 
5. และบูธผ้าย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งได้พืชที่ชุมชนปลูก


นางสาวธมลวรรณ เจริญวงศ์พิสิฐ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานตาก กล่าวว่า ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ 
ททท. สำนักงานตาก ได้มีส่วนร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดงาน โดยนำเสนออาหารถิ่นของชาวปกาเกอะญอ สำหรับนักปั่นจักรยานที่มาร่วมกิจกรรม นอกจากเป็นการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของช้างแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มวันพักค้าง รวมไปถึงการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในพื้นที่อำเภอพบพระ จังหวัดตาก 


ข้อมูล​กิจกรรม​เพิ่มเติม​
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก 055-514341-3
 

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2567

“พาณิชย์” ผนึก “ดีอีเอส” เปิดจุดบริการ “ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า” นำร่อง 2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ

 
 
 “พาณิชย์” ผนึกกำลัง “กระทรวงดีอีเอส” เปิดจุดบริการ “ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า” ดันร้านธงฟ้าเป็นจุดบริการ Drop Off ให้กับไปรษณีย์ไทย เพิ่มโอกาสให้กับเกษตรกรและ SMEs สามารถส่งสินค้าได้ง่าย ผ่านเครือข่ายร้านธงฟ้ากว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ดีเดย์เปิดให้บริการตั้งแต่เดือน เม.ย. นี้เป็นต้นไป.
 
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานการลงนามระหว่างกรมการค้าภายใน และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาร้านธงฟ้าเป็นจุดบริการไปรษณีย์ (ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า) ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์
ว่า โครงการนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยใช้กลไกเครือข่ายร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทั่วประเทศให้เป็นจุดดรอปพัสดุ (Drop Off) ของไปรษณีย์ ตามแนวทางการใช้ศักยภาพและใช้จุดแข็งของกันและกันในการขับเคลื่อนและสร้างโอกาสให้กับร้านธงฟ้า เกษตรกร ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และไปรษณีย์ไทยเอง 
 
สำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากช่วยเพิ่มเครือข่ายบริการให้ของไปรษณีย์ไทยให้ครอบคลุมการให้บริการประชาชนทั้งประเทศ ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับร้านธงฟ้า ที่จะมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น มีช่องทางในการเพิ่มรายได้มากขึ้น และในส่วนของเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ร้านค้าออนไลน์ และประชาชนทั่วไป จะได้ประโยชน์ในการส่งสินค้าที่สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เพราะร้านธงฟ้าอยู่ใกล้บ้าน ลดข้อจำกัดในการเดินทางไปไปรษณีย์ไทย และยังสามารถเลือกเวลาส่งสินค้าได้ด้วย 
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับกรมการค้าภายใน พัฒนาระบบรองรับการขยายจุดดรอปพัสดุที่ร้านธงฟ้า เพื่อใช้และสร้างโอกาสให้กับร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทุกชุมชน เป็นช่องทางในการให้บริการไปรษณีย์ และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และผลักดันให้ระบบฝากส่งสิ่งของเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น จากการมีจุดดรอปออฟที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่
 
 
 “ไปรษณีย์ไทย เป็นกลไกสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ สังคมและชุมชน ซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจที่ก้าวทันทุกการแข่งขัน คล่องตัว มีเครือข่าย ข้อมูล ระบบการให้บริการ และเทคโนโลยีที่รองรับความต้องการได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งความโดดเด่นเหล่านี้ จะช่วยสร้างโอกาสให้กับทุกคน และหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตได้แบบไร้รอยต่อ” นายประเสริฐกล่าว
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้วยการพัฒนาระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ และใช้กลไกนี้เป็นจุดเชื่อมต่อภาคส่วนต่าง ๆ ให้ได้รับประโยชน์ และสำหรับโมเดลการพัฒนาร้านธงฟ้า 20,000 แห่ง ให้เป็นจุดให้บริการงานไปรษณีย์ในลักษณะดรอปออฟในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนให้มีการเติบโตในหลากหลายมิติ ตั้งแต่ในส่วนของร้านธงฟ้าที่สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุน และสามารถสร้างเครือข่ายกับธุรกิจต่าง ๆ ได้มากขึ้น ในส่วนของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่มีสัญญากับไปรษณีย์ไทยจะได้รับความสะดวกในการดรอปสิ่งของที่จุดให้บริการใกล้บ้าน ทำให้ดรอปง่าย สร้างรายได้ เครือข่ายครอบคลุมด้วยคุณภาพบริการตอบโจทย์ธุรกิจ
 
สำหรับจุดบริการ “ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า” ในระยะแรก จะเปิดเป็นจุดดรอปพัสดุ ผู้ฝากส่งเพียงเตรียมการฝากส่งล่วงหน้า ซึ่งผู้ให้บริการร้านธงฟ้าสแกนบาร์โค้ดหน้ากล่องผ่านแอปพลิเคชันเพื่อรับสิ่งของเข้าระบบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะเข้ามารับพัสดุไปดำเนินการเพื่อส่งต่อให้ผู้รับปลายทาง และระบบจะคำนวณรายได้ให้ร้านธงฟ้า โดยจะเริ่มให้บริการในเดือนเมษายน 2567 ตามเวลาทำการของร้านธงฟ้าแต่ละแห่ง ส่วนระยะต่อไปจะเปิดให้บริการทั้งจุดรับพัสดุและเป็นจุดรอจ่ายพัสดุให้ผู้รับปลายทาง ทั้งนี้ จากความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายรวมมากกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ 
 
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนร้านธงฟ้าเข้าร่วมโครงการ โดยสามารถสมัครได้ที่ เว็บไซต์ https://newthongfah.dit.go.th/ ของกรมการค้าภายใน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอคำแนะนำเบื้องต้นได้ที่ 02-8313791 (6 คู่สาย) ตั้งแต่เวลา 08.00–18.00 น. ของวันทำการ และเวลา 08.30–16.30 น. สำหรับวันเสาร์และวันอาทิตย์
 
 
……………………………………

วัดนันตาราม เชียงคำ จ.พะเยา​


วัดนันตาราม หนึ่งในสถานที่​ห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวเชียงคำ อยู่​ที่​ ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด เดิมเรียก "จองม่าน" หรือ "จองคา" เพราะมุงด้วยหญ้าคา


โดย พ่อหม่อง โพธิ์ชิต อริยภา บริจาคที่ดินเนื้อที่ 3 ไร่เศษ เป็นสถานที่ก่อสร้าง ร่วมกับ พ่อเฒ่าอุบล บุญเจริญ จนสำเร็จเรียบร้อย มีฐานะเป็น อาราม (ขึ้นตรงต่อคณธสงฆ์พม่าในขณะนั้น) ประชาชนทั่วไปนิยมเรียก "วัดม่าน" หรือ "จองเหนือ" เพราะอยู่ทางทิศเหนือของเทศบาลตำบลเชียงคำ



จองม่าน หรือ จองเหนือ อยู่ในสภาพล้มลุกคลุกคลานมาหลายชั่วคน เพราะขาดผู้ดูแล ต่อมาในปี พ.ศ.2467 พ่อเฒ่าตะก่าจองนันตา(อู๋) วงศ์อนันต์ คหบดีชาวปะโอ(ตองสู้) ผู้รับสัมปทานทำไม้ให้กับบริษัทค้าไม้ต่างชาติ เป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ได้เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบูรณะปรับปรุงเสนาสนะ ให้มีความมั่นคงแข็งแรง สมเป็นพุทธสถาน​


ละต่อมาแม่เฒ่าจ๋ามเฮิง ประเสรฺฐกูล ร่วมบริจาคที่ดิน 5 ไร่ 1 งาน 72 ตารางวา สร้างวิหารหลังใหม่ โดยพ่อตะก่าจองนันตา(อู๋) รับเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารหลังปัจจุบัน โดยว่าจ้างช่างชาวพม่าจากจังหวัดลำปาง มาออกแบบทำการก่อสร้างเป็นวิหารไม้ทั้งหลัง รูปทรงสถาปัตยกรรมแบบพม่าตอนล่าง หลังคาหน้าจั่วยกเป็นช่อชั้นลดหลั่นกันสวยงาม มุงด้วยไม้แป้นเกร็ด เพดานประดับประดาด้วยกระจกสีลวดลายวิจิตร ไม่ซ้ำกัน



การปฏิสังขรณ์และก่อสร้างจองม่านครั้งใหญ่ ใช้เวลาร่วม 10 ปี นับเป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ของจองม่าน พ่อเฒ่าตะก่าจองนันตา(อู๋) ต้นตระกูลวงศ์อนันต์ คหบดีชาวปะโอ ที่มีจิตใจศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตั้งใจปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนมิได้ขาด มีความเพียรในการรักษาอุโบสถศีล นอนวัดตลอดฤดูพรรษา ทั้งยังเสียสละลลริจาคทรัพย์เป็นเจ้าศรัทธามนการปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และสร้างวิหารถวายเป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา ได้รับการยกย่องจากพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีและเป็นอนุสรณ์ของพ่อเฒ่าตะก่าจองนันตา(อู๋) จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดจากจองม่าน เป็น "วัดนันตาราม" เพื่อเป็นเกียรติแด่ท่านและตระกูล "วงศ์อนันต์"



📍วัดนันตาราม เชียงคำ พะเยา
https://maps.app.goo.gl/9mUKoF8GLRKPsNvT9

#สุขทันทีที่เที่ยวพะเยา  
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท)
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงราย
#พะเยา #ตะลอนไปทั่ว
#แอ่วเหนือ

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2567

วัดพระนั่งดิน อ.เชียงคำ จ.พะเยา


วัดพระนั่งดิน เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่บ้านพระนั่งดินหมู่ที่ 7 ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา 
▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️▫️



เป็นวัดที่มีองค์พระประธานของวัดไม่มีฐานชุกชีรองรับเหมือนพระประธานในวัดอื่น ๆ เคยมีราษฎร์สร้างฐานชุกชีและอัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐาน แต่ปรากฏว่าพยายามอย่างไรก็ยกไม่ขึ้นจึงเรียกสืบต่อกันว่า พระเจ้านั่งดิน

 สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ หรือมีอายุกว่า 2,500 ปี ในการสร้างใช้เวลา 1 เดือน 7 วัน จึงแล้วเสร็จ

💠💠💠💠💠💠💠💠💠💠💠


📍วัดพระนั่งดิน พะเยา
https://maps.app.goo.gl/fGaPDUCWcFjBHGwM8
#วัดพระนั่งดิน
#สุขทันทีที่เที่ยวพะเยา   
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท)
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงราย
#พะเยา #ตะลอนไปทั่ว
#แอ่วเหนือ