วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2566

SME FESTIVAL นครปฐม ครั้งที่1

คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) นำสื่อมวลชนจากส่วนกลาง ร่วมงานแถลงข่าว SME นครปฐมเฟสติวัล ครั้งที่ 1 ที่บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์

โดยมี นายสมเกียรติ พูลสุขเสริม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ให้เกียรติเป็นประธานแถลงข่าว พร้อมด้วย คุณกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (TTPA), คุณสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์ไทย SME นครปฐม และประธานสมาพันธ์SME ทั้ง7อำเภอของจังหวัดนครปฐม รวมถึงผู้ประกอบการ หัวหน้าส่วนชุมชน เข้าร่วมงานจำนวนมาก​
โดยงาน SME Festival ครั้งที่ 1 นี้ จะเป็นการจัดงานครั้งแรกของสมาพันธ์ฯ หลังจากที่ได้จัดงาน SME สัญจรของแต่ละอำเภอ กำหนดการจัดงานวันที่ 1 ถึง 7 พฤษภาคม 2566 บริเวณหน้าองค์พระปฐมเจดีย์​

วัตถุประสงค์ของการจัดงานในวันนี้ เพื่อส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการเพิ่มยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดพร้อมทั้งสร้า ความภูมิใจให้คนรุ่นใหม่ในการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาท้องถิ่นต่อไป โดยในงานมีการจัดกิจกรรมหลากหลาย ให้คนจำนวนมากได้สร้างการ รับรู้ในสินค้าและบริการของผู้ประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความ สัมพันธภาพ และเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน

คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) กล่าวว่า งาน SME Festival เป็นการจัดงานครั้งแรก จัดโดยสมาพันธ์ SME นครปฐม เพื่อส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการเพิ่มยอดขาย และกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด พร้อมทั้งสร้างความภูมิใจให้คนรุ่นใหม่ในการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งภายในงานมีบูธร่วมออกร้านกว่า 300 บูท และมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น นั่งรถรางเที่ยวชม พระราชวังสนามจันทร์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดนครปฐมอีกมิติหนึ่ง

สำหรับงาน SME FESTIVAL ครั้งที่ 1 จัดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 1-7 พ.ค.2566 นี้ ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม




วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2566

“The Princess Maha Chakri Sirindhorn Cup Tour of Thailand 2023” 🚴‍♀️🚴🚴‍♂️

“The Princess Maha Chakri Sirindhorn Cup Tour of Thailand 2023” 🚴‍♀️🚴🚴‍♂️
ททท.สำนักงานลพบุรี ขอเชิญร่วมชม ร่วมเชียร์ การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมายุ 68 พรรษา “The Princess Maha Chakri Sirindhorn Cup Tour of Thailand 2023” ระหว่างวันที่ 1 – 10 เมษายน 2566   รวมระยะทาง 1,276.70 กิโลเมตร  

เส้นทางการแข่งขัน เริ่มต้นจาก จังหวัดกาญจนบุรี-สุพรรณบุรี-พระนครศรีอยุธยา-ลพบุรี-สระบุรี-นครราชสีมา-ปราจีนบุรี-สระแก้ว-จันทบุรี-ระยอง รวมระยะทาง 1,276.70 กิโลเมตร 

โดยจะผ่านจังหวัดลพบุรี ในวันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 เวลา 10.07 น. ในสเตจที่ 3 เส้นทางเริ่มต้น หอศิลป์แห่งชาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าเขตจังหวัดลพบุรีที่ ตำบลโก่งธนู ตำบลตะลุง แยกโพธิ์เก้าต้น เลี้ยวซ้ายเลียบทางรถไฟ ผ่านวัดบันไดหิน พระปรางค์สามยอด ศาลพระกาฬ วงเวียนสระแก้ว สนามกีฬาพระราเมศวร วงเวียนสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อ่างซับเหล็ก และสิ้นสุด ณ อาคารระบายน้ำล้น Spill Way บริเวณสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลาประมาณ 11.57 น.เป็นอันสิ้นสุดเขตจังหวัดลพบุรี รวมระยะเวลา 2 ชั่วโมง รวมระยะทาง 73 กิโลเมตร หลังจากนั้นจะผ่านไปจังหวัดสระบุรี เข้าเส้นชัยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 

☎️ สอบถามข้อมูลด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานลพบุรี โทร. 036-770096-7 หรือ Facebook Fanpage : Tat Lopburi 

#ลพบุรีเมืองน่าเที่ยว #TATLopburi #เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง #TrendyC2ภาคกลาง #เที่ยวเมืองไทยAmazingยิ่งกว่าเดิม #365วันมหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน #ตะลอนไปทั่ว

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2566

เอ็นไอเอ ผนึกกำลัง ซีอีเอ ตอกย้ำความสำเร็จ เปิดหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม รุ่นที่ 6 (CCIO 2023)

วันนี้ ศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566
เวลา 13.00 - 16.00 น.
ณ บริเวณ LOTUS FOYER ชั้น B2
โรงแรม เมอเวนพิค สุขุมวิท 15 กรุงเทพฯ​
เอ็นไอเอ &​ ซีอีเอ ​จัดงานแถลงข่าว NIA ACADEMY CCIO 6

หลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม รุ่นที่ 6

เอ็นไอเอ ผนึกกำลัง ซีอีเอ ตอกย้ำความสำเร็จ เปิดหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม รุ่นที่ 6 (CCIO 2023)

มุ่งมั่นสร้างนักพัฒนาเมืองคุณภาพระดับประเทศ ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีนวัตกรรม เศรษฐกิจยั่งยืน”
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ (NIA) เปิดรับผู้เข้าร่วมหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรมรุ่นที่ 6


เจาะกลุ่มผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและนักลงทุน และองค์กรด้านการ
พัฒนาและให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและภาคประชาสังคม โดยตั้งเป้าหมายในการสร้างนักพัฒนาเมือง เพื่อผลักดัน
ประเทศไทยให้ก้าวสู่ “ประเทศแห่งนวัตกรรม (Innovation Nation)” ในอนาคตอันใกล้ พร้อมเปิดตัวพันธมิตรหลัก
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) ร่วมเสริมองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ เริ่มอบรมตั้งแต่เดือน
พฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2556


ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “NIA เล็งเห็นถึงความสำคัญ
ในการพัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีความรู้ในการบริหารจัดการเชิงนวัตกรรม รวมถึงการตั้งเป้าให้ NIA เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวกทางนวัตกรรม (Focal Facilitator) ในการประสานการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่างๆ จึงจัดทำหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม (Chief City Innovation Officer: CCIO) ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เป็นรุ่นที่ 6 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถให้กลุ่มผู้บริหารเมืองมีความพร้อมด้านการพัฒนาและการจัดการเมืองนวัตกรรม บนพื้นฐานขององค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาทักษะในการวางแผนยุทธศาสตร์ และการจัดการเมืองที่เป็นไปตามหลักสากล และนำหลักการของเมืองต้นแบบมาปรับใช้ในบริบทของท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ คำนึงถึงอนาคตที่ยั่งยืน”


“หลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม จึงนับเป็นแพลตฟอร์มสำคัญของการพัฒนาเมือง ที่ได้รวบรวมนักพัฒนาเมืองจาก
ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เข้ามาสร้างเครือข่ายของนักบริหารเมืองเพื่อสร้างความร่วมมือ ผ่านกระบวนการต่าง ๆ
ภายใต้หลักสูตร ที่เปิดให้เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อยกระดับความสามารถด้านการบริหารจัดการเมือง
นวัตกรรมให้กับผู้เข้ารับการอบรม รวมถึงพัฒนาองค์ความรู้และทักษะของผู้เข้าร่วมอบรม ให้เข้าใจถึงบริบทการพัฒนาพื้นที่
เมืองและท้องถิ่นบนพื้นฐานของนวัตกรรม” ดร. พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติม


ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) กล่าวถึงในส่วนของการเข้ามาร่วมใน
หลักสูตรนี้ เนื่องจาก CEA ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ของผู้บริหารเมืองที่จะเล็งเห็นถึงศักยภาพของท้องถิ่นและสามารถดึงความคิดสร้างสรรค์ ผนวกภูมิปัญญาพื้นถิ่น และผสานเข้ากับนวัตกรรม เพื่อให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและถูกใช้เป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนาเมือง โดยผู้เข้าร่วม จะได้เรียนรู้แนวทางในการขับเคลื่อน “เมืองสร้างสรรค์” โดยมี
เครื่องมือตั้งต้นจากการพัฒนาพื้นที่ อย่าง “ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ต่อยอดผลักดัน ทั้งสินทรัพย์ คน และพื้นที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ ให้เกิดเป็น “ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยการออกแบบและนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตร CCIO ที่มุ่งให้ในแต่ละพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ
ด้วยตนเอง และยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ



ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า “หลักสูตร CCIO รุ่นที่ 6 ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีนวัตกรรม
เศรษฐกิจยั่งยืน” จะมุ่งเน้นมิติเมืองนวัตกรรมต้องมีความสมดุล ต้องเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ต้องมีการสร้างและใช้นวัตกรรม ต้องมีสตาร์ทอัพ ฯลฯ โดยมีหัวข้อการอบรม 8 หัวข้อ ภายใต้ 3 โมดูลหลัก คือโมดูลพื้นฐาน (Foundation)
ประกอบด้วยหัวข้อ เมืองแห่งอนาคต (City of The Future) กระบวนทัศน์ใหม่ของเศรษฐกิจเมือง (New Paradigm of
City Economy) นวัตกรรมเปลี่ยนเมือง (UrbanTech Innovation) โมดูลประเด็นร่วมสมัย (Contemporary Issues)
ประกอบด้วยหัวข้อ ทรัพยากรมนุษย์แห่งอนาคต (Innovative Talent) การร่วมทุนภาครัฐ ภาคเอกชน (Public Private Partnership) โมดูลเครื่องมือการบริหารเมือง (Tools) ประกอบด้วยหัวข้อ วิทยาการข้อมูลสำหรับการบริหารเมือง (Data Science for City Management) การสื่อสารเมือง (City Branding) และที่พิเศษในปีนี้กับหัวข้อ การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรม (Creative city as the key driver of Innovation) ที่ได้พันธมิตรหลักซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ คือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) มาร่วมในการจัดการอบรมในครั้งนี้
นอกเหนือไปจากองค์ความรู้และประสบการณ์ที่จะได้รับจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ


สำหรับผลการจัดหลักสูตร CCIO ในปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายกลุ่มผู้บริหารเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มากกว่า 160 ราย เกิดโครงการภายใต้ความร่วมมือในการพัฒนาเมืองด้วยนวัตกรรมที่นำไปใช้ในส่วนการวางแผน การ
บริหารจัดการ การแก้ปัญหา การฟื้นฟูเมืองในระดับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ ซึ่งตอบโจทย์การสร้างความเข้มแข็งของ
ระบบนวัตกรรมในระดับพื้นที่ มีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรและกำลังคนด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะระดับพื้นที่และ
ภูมิภาค พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการส่งเสริม สนับสนุน และเชื่อมโยงการใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับ
คุณภาพชีวิตในพื้นที่ภูมิภาคของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์พื้นที่ที่มีอัตลักษณ์และความโดดเด่นกิจกรรมและการลงทุนทางด้านนวัตกรรมในพื้นที่ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าว่า การจัดหลักสูตรผู้บริหารเมืองนวัตกรรม รุ่นที่ 6 นี้ จะสามารถสร้างเครือข่ายนักพัฒนาเมืองได้ไม่น้อยกว่า 60 ราย ตามเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรและกำลังคนด้านนวัตกรรมรวมถึงสามารถพัฒนาให้เกิดแผนหรือข้อเสนอโครงการ หรือโครงการพัฒนาเมืองที่จะเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 3 โครงการ และสามารถยกระดับความสามารถด้านวัตกรรมในส่วนภูมิภาค เมือง และย่าน ได้ในอนาคตอันใกล้


ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามเข้าร่วมอบรมได้ที่ cciothailand@gmail.com หรือ http://ccio.nia.or.th

#################

วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566

สดช. ผนึก ม.เทคโนโลยีมหานคร มุ่งพลิกโฉมประเทศไทยสู่ ‘ผู้สร้าง’ ในเวทีการพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศ ภายใต้กิจกรรมขององค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก (APSCO)



เมื่อพูดถึงดาวเทียมหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ คนส่วนใหญ่มักมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความเป็นจริง ผลผลิตจากนวัตกรรมอวกาศแทรกซึมอยู่ในวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่ตื่นนอนที่สามารถรับชมรายการทีวีต่างๆ หรือขับรถออกจากบ้านก็สามารถใช้แอพพลิเคชันระบบนำทาง นอกจากนั้นเรายังสามารถคาดการณ์สภาพดินฟ้าอากาศที่ทำให้เรารู้ว่าเราควรต้องเตรียมตัวรับสภาพอากาศแบบไหน หรือการเตือนภัยพิบัติต่างๆ เช่น พายุ ไฟป่า หรือน้ำท่วม ทำให้สามารถป้องกันและบรรเทาการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเราทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศอยู่แล้วเพียงแต่ไม่รู้ตัว ขณะเดียวกัน ผู้คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้ว่าประเทศไทยยังมีกิจการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศและอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า 35,000 กิจการ โดย 95% เป็นวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม (SMEs) และ Start-up ซึ่งกิจการต่างๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ประมาณ 56,122 ล้านบาทต่อปี
ดร.พรพรรณ ตันนุกิจ ผู้อำนวยการกองกิจการอวกาศแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลได้หลอมรวมกับเทคโนโลยีอวกาศมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดาวเทียม ทำให้ต้นทุนการสร้างมีราคาถูกลง เพราะดาวเทียมไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่อีกต่อไป ผู้ที่สามารถออกแบบและสร้างดาวเทียมไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญที่มีองค์ความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเท่านั้น ที่ผ่านมา เยาวชนไทยได้พิสูจน์ผลงานด้านการออกแบบและสร้างดาวเทียมขนาดเล็กในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ คว้ารางวัลและสร้างเกียรติยศให้กับประเทศนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งประเทศไทยไม่เคยขาดคนเก่ง เพียงแต่เวทีที่จะสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพยังมีอยู่จำกัด
รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมเพื่อสร้างขีดความสามารถของบุคลากรภายในประเทศด้านการออกแบบดาวเทียม การกำหนดภารกิจ การสร้างและประกอบดาวเทียมขนาดเล็ก เช่น ดาวเทียม CubeSat เนื่องจากดาวเทียมขนาดเล็กมีต้นทุนการผลิตต่ำแต่สามารถใช้งานตอบโจทย์ได้ทั้งเชิงพาณิชย์หรือภารกิจเฉพาะทางได้มากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศยุคใหม่ หรือ New Space Economy ของประเทศไทย ซึ่งการได้ร่วมมือกับนานาชาติ เช่น องค์การความร่วมมือด้านอวกาศแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Space Cooperation Organization: APSCO) ส่งผลให้ได้ประโยชน์จากการถ่ายทอดองค์ความรู้ของเทคโนโลยีที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับการออกแบบและสร้างดาวเทียม ถือเป็นหนึ่งในกลไกหรือเครื่องมือเชิงนโยบายที่ใช้ผลักดันให้บุคลากรของประเทศไทยได้บูรณาการความรู้ในศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างดาวเทียม อาทิ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ มาใช้ในการประดิษฐ์และแก้ปัญหาผ่านการลงมือปฏิบัติจริง

โครงการ APSCO CubeSat Competition (ACC) เป็นโครงการหนึ่งของ APSCO ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการพัฒนาดาวเทียม CubeSat ให้แก่ประเทศสมาชิกทั้ง 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน ปากีสถาน อิหร่าน เปรู มองโกเลีย บังคลาเทศและทูร์เคีย ผ่านการแข่งขันการสร้างดาวเทียมเชิงวิศวกรรม (Engineering Model) ที่มีขนาดรวมไม่เกิน 3U ภายในระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการมีโอกาสเรียนรู้ตั้งแต่การออกแบบภารกิจ การออกแบบดาวเทียม จนกระทั่งสามารถสร้างดาวเทียมเชิงวิศวกรรมได้ด้วยตนเอง โดยให้แต่ละประเทศสมาชิกทำการคัดเลือกทีมเยาวชนเข้าแข่งขันจำนวน 5 ทีม (ทีมละ 5 คน) ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีการประเมินผลโดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ เพื่อให้ผลการสร้างดาวเทียมในขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล จากนั้นจึงทำการคัดเลือกหนึ่งทีมสุดท้ายที่มีศักยภาพสูงสุดของแต่ละประเทศสมาชิกเพื่อรับทุนสนับสนุนการสร้างดาวเทียมเชิงวิศวกรรมเป็นจำนวน 100,000 USD (ประมาณ 3 ล้านบาทเศษ)

          การเปิดตัวโครงการ ACC-Thailand ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนงานของโครงการ ACC ที่ สดช. รับผิดชอบในนามของประเทศไทย ซึ่ง สดช. ได้เล็งเห็นว่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เป็นศูนย์รวมขององค์ความรู้และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมุ่งมั่นส่งเสริมเทคโนโลยีดาวเทียมและกิจการอวกาศมายาวนานกว่า 25 ปี จึงไว้วางใจเสนอให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพขับเคลื่อนโครงการ ACC-Thailand ตั้งแต่การประชาสัมพันธ์ การรับสมัคร การให้ความรู้เบื้องต้น การออกแบบกิจกรรม การแข่งขัน รวมถึงการเสริมทักษะที่จำเป็น เพื่อเฟ้นหาทีมเยาวชนที่มีศักยภาพจำนวน 5 ทีม เข้าร่วมกิจกรรมของโครงการ ACC ต่อไป อย่างไรก็ดี ทาง สดช. และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เห็นพ้องต้องกันว่าในช่วงแรกของกิจกรรมในโครงการ ACC เป็นกิจกรรมออนไลน์ เห็นควรเพิ่มทีมเยาวชนอีก 5 ทีม รวมเป็น 10 ทีม เพื่อขยายโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมของเยาวชนผู้สนใจและเป็นการใช้ประโยชน์จากการเป็นภาคีสมาชิกของ APSCO ในอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้เยาวชนที่ผ่านเข้ารอบแรกจะได้รับการอบรมการออกแบบดาวเทียมตามแนวคิด (Conceptual Design) จากผู้ทรงคุณวุฒิระดับนานาชาติ จากนั้นทั้ง 10 ทีมจะถูกคัดเลือกเหลือ 5 ทีมตัวจริง เพื่อเข้ากิจกรรมอื่นๆ ของ ACC ต่อไป

          ACC-Thailand จึงเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะจุดประกายและเปิดโอกาสให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้เชี่ยวชาญ และผู้สนใจได้ใช้ความรู้ ความสามารถในการออกแบบและสร้างดาวเทียม CubeSat ตลอดจนเป็นสะพานเชื่อมให้ภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรมตระหนักถึงความเป็นไปได้ในการต่อยอดธุรกิจของตนด้วยเทคโนโลยีที่เยาวชนไทยสร้างขึ้น

สำหรับแนวโน้มด้านเทคโนโลยีอวกาศที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผศ. ดร. ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มีความเห็นว่า มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะ จีน ญี่ปุ่น อินเดียและเกาหลีใต้ ที่สามารถสร้างและปล่อยดาวเทียมได้เอง โดยมีแนวโน้มที่จะมุ่งสร้างดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit: LEO) ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม ที่ระดับความสูงจากพื้นโลกไม่เกิน 1,000 กิโลเมตร ด้วยเหตุผลด้านค่าใช้จ่ายในการสร้างและการนำส่งขึ้นสู่วงโคจรที่ไม่สูงมากนัก ใช้บุคลากรจำนวนน้อยและใช้เวลาพัฒนาไม่นาน ทำให้สามารถสร้างดาวเทียมได้จำนวนมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการกำหนดภารกิจดาวเทียมแบบกลุ่ม (Satellite Constellation) ที่สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และจะมีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนสังคมและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการใช้งานด้านการทหารและพลเรือน อาทิ งานด้านความมั่นคงหรือบังคับใช้กฎหมาย การจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) การเกษตรความแม่นยำสูง (Precision Agriculture) การตรวจติดตามและเฝ้าระวังภัยพิบัติ ทั้งไฟป่าหรือน้ำท่วม ตลอดรวมถึงเทคโนโลยีในอนาคต อย่างอินเทอร์เน็ตดาวเทียม (Satellite Internet) ที่เป็นการยกระดับการเชื่อมต่อสู่โลกอินเทอร์เน็ตอีกขั้น นั่นคือ สามารถเชื่อมต่อได้ตลอดเวลาถึงแม้โครงสร้างพื้นฐานของระบบเครือข่ายจะล้มเหลว เท่ากับเป็นการสร้างความมั่นใจและลดความสูญเสียของภาครัฐและเอกชน

โครงการ ACC-Thailand จึงเป็นกิจกรรมสำคัญที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครมุ่งมั่นให้เป็นเวทีประลองฝืมือสำหรับเยาวชนที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศชาติในอนาคต และยังเป็นต้นแบบของกิจกรรมที่สามารถพัฒนาบุคลากรไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังเช่น เทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงสร้างเยาวชนให้มีศักยภาพแล้ว ยังผลักดันเยาวชนให้สามารถสร้างนวัตกรรมที่อาจเปลี่ยนโลกด้วยก็เป็นได้ ดร.ภานวีย์ กล่าวสรุป
ท้ายนี้ สดช. และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วนในแวดวงเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศ ต่างมุ่งหวังว่า ภารกิจของ ACC และ ACC-Thailand จะเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนและพลิกโฉมประเทศไทยจาก ‘ผู้ซื้อ’ สู่ ‘ผู้สร้าง’ ดาวเทียม ที่ไม่เพียงเป็นแค่ดาวเทียมวิจัยทดลอง แต่อาจเป็นดาวเทียมเชิงพาณิชย์ฝีมือคนไทย อันจะมีผลต่อการส่งเสริมเศรษฐกิจอวกาศยุคใหม่ของประเทศไทยในอนาคตและตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว


ททท.แม่ฮ่องสอน เชิญชวนร่วมงานประเพณี ปอยส่างลอง ประจำปี 2566

ททท.แม่ฮ่องสอน เชิญชวนร่วมงานประเพณี ปอยส่างลอง ประจำปี 2566
ประเพณีปอยส่างลอง เป็นมนต์เสน่ห์หนึ่งในงานประจำปีเลื่องชื่อของชาวไทใหญ่แห่งเมืองสายหมอก ซึ่งนอกจากจะมากไปด้วยสีสันงดงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังเป็นงานบุญที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธาอันทรงคุณค่า และได้ขยายไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ อาทิ จังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนนับเป็นต้นแบบของการจัดประเพณีปอยส่างลองของประเทศไทย 
ประเพณีปอยส่างลอง คือการ บวชลูกแก้ว หรือบรรพชาสามเณรในช่วงฤดูร้อน จะจัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ทุกปี ระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงว่างเว้นจากการทำนา และมึความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของอาหาร และเป็นช่วงที่เด็ก ๆ เยาวชนปิดเทอม
 เพื่อให้บุตรหลานได้ศึกษาเรียนรู้พระธรรม รวมทั้งได้เจริญจิตภาวนา และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การได้บวชส่างลอง เป็นความเชื่อของชาวไทใหญ่ ที่ได้ยึดถือปฏิบัติและสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน ซึ่งมีความเชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์ผลบุญสูงสุด จนกลายเป็นหนึ่งในประเพณีที่ทรงคุณค่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือคติในการบวชเณรที่จำลองแบบมาจากพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าตอนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะก่อนออกผนวช จึงต้องแต่งกายส่างลองกันให้สง่างาม ตามแบบกษัตริย์พม่าโบราณ นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อมีชายเชิงงอนปักดิ้นไหม ประดับด้วยเพชรนิลจินดา ทั้งสร้อย กำไล และแหวน ศรีษะโพกด้วยผ้าแพรและประดัฐด้วยดอกไม้ มีคนคอยกางร่มทองคำกันแดด มีพี่เลี้ยงส่วนตัวคอยดูแลส่างลองอย่างใกล้ชิด
 ซึ่งจัดงานเป็นประจำทุกปีแสดงถึงความศรัทธาอันแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่นชาวไทยใหญ่ ตลอดจนเป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามที่เป็นเอกลักษ์ให้คงอยู่สืบไป โดยเฉพาะขบวนแห่ส่างลอง (แห่ครัวหลู่) นับได้ว่ามีความสวยงามตามแบบประเพณีโบราณของชาวไทยใหญ่ หรือชาวไต อย่างแท้จริง ซึ่งมีพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ทำให้ประเพณีปอยส่างลองได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมกับการร่วมทำบุญสืบสานงานประเพณีดังกล่าวด้วย โดยในปี 2566 นี้ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีกำหนดจัดงานประเพณีปอยส่างลองในหลายพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดังนี้
วันแรก เรียกว่า วันรับส่างลอง
ในตอนเช้าเจ้าภาพส่างลองจะนำบรรดาเด็กชายไปวัด เพื่อแต่งชุดส่างลองด้วยการนุ่งโจงกระเบนสีสดปล่อยชายด้านหลังยาวจับกลีบ คาดด้วยเข็มขัดนาคหรือเงิน สวมเสื้อแขนกระบอกโค้งงอน เสื้อปักฉลุลายดอกไม้สีต่างๆ ศีรษะโพกผ้าแพรเกล้ามวยเสียบด้วยดอกไม้ เช่น ดอกเอื้องคำ หรือดอกไม้อื่นๆ แต่งหน้าส่างลองด้วยการ เขียนคิ้ว ทาปาก สีแดง และสวมถุงเท้าสีขาว ถือเป็นการแต่งตัวอลองเต็มตัว พระสงฆ์ให้ศีลให้พรอบรมสั่งสอน จากนั้น “ตะแป ส่างลอง” หรือผู้ให้ขี่คอ นำส่างลองไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลหลักเมือง เจ้าคณะจังหวัด และญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ในขบวนจะมี “ทีคำ” หรือร่มทองคำกางกั้นบังแดดให้ส่างลอง
 
วันที่ 2 เรียกว่า วันแห่ครัวหลู่
เป็นวันแห่งเครื่องไทยทาน มีการแห่ส่างลองกับเครื่องไทยทานจากวัดปางล้อไปตามถนนสายต่างๆ ในช่วงเช้ามีผู้มีจิตศรัทธาร่วมขบวนมากมายเพื่อช่วยกันแบกหามเครื่องอัฐบริขาร เครื่องไทยธรรม ทั้งเล็กและใหญ่ ขบวนแห่ประกอบด้วยจีเจ่ (กังสดาล) ม้าเจ้าเมือง ต้นตะเป่ส่าพระพุทธ ต้นตะเป่ส่าพระสงฆ์ ปุ๊กเข้าแตก เทียนเงินเทียนทอง พุ่มเงินพุ่มทองอู่ต่องปานต่อง หม้อน้ำต่า อัฐบริขาร ดนตรีประโคมและขบวนแห่ส่างลอง โดยให้ส่างลองขี่คอพี่เลี้ยงเรียกว่า “ตะแปส่างลอง” มีกลดทองหรือ “ทีคำ” แบบพม่าไว้บังแดด ตอนเย็นมีการแสดงมหรสพสมโภชตามประเพณีไตที่วัดต่างๆ
 
วันที่ 3 เรียกว่า วันข่ามส่าง หรือวันหลู่
เป็นวันบรรพชาสามเณรและถวายเครื่องไทยทานแก่พระภิกษุสงฆ์ และเลี้ยงอาหารไต แก่ผู้ที่มาร่วมงาน เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
 
โดยมีกำหนดจัดงานประเพณีปอยส่างลองในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนดังนี้
อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน วันแห่คัวหลู่
- 22-25 มีนาคม 2566 ณ วัดแม่สะกึ๊ด ( 24 มีนาคม เวลา 07.00 น.)
- 26-31 มีนาคม 2566 ณ วัดนาป่าแปก ( 30 มีนาคม เวลา 07.00 น.)
- 3 – 5 เมษายน 2566 ณ วัดปางล้อ ( 4 เมษายน เวลา 07.00 น.)
- 3 – 5 เมษายน 2566 ณ วัดห้วยขาน ( 4 เมษายน เวลา 07.00 น.)
- 22-24 เมษายน 2566 ณ วัดในสอย ( 23 เมษายน เวลา 07.00 น.)
อำเภอปาย วันแห่คัวหลู่
- 3 – 5 เมษายน 2566 ณ วัดป่าขาม ( 4 เมษายน เวลา 16.00 น.)
- 5 – 7 เมษายน 2566 ณ วัดแม่นาเติงใน ( 6 เมษายน เวลา 16.00 น.)
- 29 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2566 ณ วัดม่วงสร้อย ( 1 พฤษภาคม เวลา 16.00 น.)
อำเภอแม่สะเรียง วันแห่คัวหลู่
- 2 – 4 เมษายน 2566 ณ วัดศรีบุญเรือง ( 3 เมษายน เวลา 16.00 น.)
- 7 – 9 เมษายน 2566 ณ วัดสุพรรณรังษี ( 8 เมษายน เวลา 16.00 น.)
อำเภอปางมะผ้า วันแห่คัวหลู่
- 20-22 มีนาคม 2566 ณ วัดแม่ละนา ( 21 มีนาคม เวลา 07.00 น.)
- 25-28 มีนาคม 2566 ณ สำนักสงฆ์ถ้ำพญางู ( 27 มีนาคม เวลา 07.00 น.)
อำเภอขุนยวม วันแห่คัวหลู่
- 29 มีนาคม – 1 เมษายน 2566 ณ วัดต่อแพ ( 31 มีนาคม เวลา 15.00 น.)
- 3-5 เมษายน 2566 ณ วัดคำใน ( 4 เมษายน เวลา 15.00 น.)
อำเภอแม่ลาน้อย วันแห่คัวหลู่
- 5 – 8 เมษายน 2566 ณ วัดดอยแก้ว ( 7 เมษายน เวลา 16.00 น.)

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน ขอเชิญนักท่องเที่ยวทั่วประเทศมาร่วมชื่นชมความสวยงามของวัฒนธรรมชาวไทยใหญ่และขบวนแห่ส่างลองอันยิ่งใหญ่ตระการตาในงานประเพณีปอยส่างลอง ประจำปี 2566 ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน เลขที่ 4 ถนนราชธรรมพิทักษ์ ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58000 โทรศัพท์ 0 5361 2982 - 3 โทรสาร 0 5361 2984 ในวันเวลาราชการ อีเมล์ tatmhs@tat.or.th Facebook : ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน (TAT Maehongson)

วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566

ททท.เชียงราย จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายช่วงมีนาคม - พฤษภาคม 2566

ททท.สำนักงานเชียงราย จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายในช่วงมีนาคม - พฤษภาคม 2566 ด้วย 2 กิจกรรม (1) เที่ยวเท่เสน่ห์สันวานเชียงแสนเชียงราย 
โดยร่วมกับโรงแรมที่พักในเชียงแสน 10 แห่ง (ให้ราคาพิเศษห้องพัก)  และ วิสาหกิจท่องเที่ยวเพื่อสังคมเชียงแสน (จัดท่องเที่ยวชมเมืองเก่าเชียงแสนด้วยรถราง) และ สชร. ให้ส่วนลดคนละ 50 บาท เป็นส่วนลดนั่งรถรางจากราคา 99 บาท เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ ที่ 18 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป (2) กิจกรรมเที่ยวสุดมันส์ในวันธรรมดา ตั้งแต่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป 

โดย สชร. ร่วมกับสิงห์ปาร์ค โดยนักท่องเที่ยวที่พักค้างในเชียงราย สามารถไปเล่นกิจกรรม outdoors ของสิงห์ปาร์ค ได้ส่วนลดจาก สชร. คนละ 50 บาท + กิจกรรมสนุกคลายร้อน sub board ลำน้ำกก ได้ส่วนลดเช่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยว 1,000 คนแรก 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร.053-744674 www.tourismchiangrai-phayao.com เพจ : ททท.สำนักงานเชียงราย-พะเยา 

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2566

ชสท.จัดประชุมคณะกรรมการ​

วันนี้​ 21 มีนาคม​ 2566 เวลา 11.00 น. ณ สโมสรทหารบก ชมรมสื่อมวลชน​ส่งเสริม​การ​ท่องเที่ยว​ 
นำโดย คุณ​วรางคณา สุเมธวัน​ ประธานชมรมฯ นำคณะกรรมการร่วมเข้าประชุมคณะกรรมการบริหารชมรมสื่อมวลชน​ส่งเสริม​การ​ท่องเที่ยว​ ครั้งที่ 2/2566
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการ​ท่องเที่ยว
#ตะลอนไปทั่ว

วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2566

เริ่มแล้ว! งาน “AMAZING Big Holiday 2023 x เปรี้ยวปาก @SiamAMAZINGPark”

“AMAZING Big Holiday 2023 x เปรี้ยวปาก @SiamAMAZINGPark”
พร้อมเสิร์ฟความอร่อย 200 ร้านดัง สนุกสุดชิลในบรรยากาศงานวัดร่วมสมัย
คอนเสิร์ต ศิลปินดาราดังคับคั่ง เข้าชมฟรี! ตลอดงาน

เทศกาลความสนุกครั้งยิ่งใหญ่ งาน “AMAZING Big Holiday 2023 x เปรี้ยวปาก
@SiamAMAZINGPark” อิ่มอร่อยกับ 200 ร้านดัง เพลิดเพลินกับงานวัดร่วมสมัย ช้อปปิ้งสินค้า OTOP
SME ชมฟรี! คอนเสิร์ต ศิลปินดาราดังคับคั่ง​ นำโดย เต๋อ-ฉันทวิชช์ , จอย-รินลณี, อร-พัทธ์ธีรา, มิว-ศุภศิษฏ์, ตรี-ชัยณรงค์ , INDIGO, เต๋า-ทัศนัย, ไรอัน ไมค์หมดหนี้, บอนซ์ -ณดล สนุกครบรส เข้าชมฟรี!
ตลอดงาน 
ห้ามพลาด! วันที่ 17-26 มีนาคม 2566 เวลา 11.00-21.00 น. ณ บางกอกเวิลด์ โซนทางเข้า
ใหม่ของสยามอะเมซิ่งพาร์ค

ดร.ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัท สยามพาร์คซิตี้ เปิดเผยว่า การรจัดงาน “AMAZING Big Holiday 2023 x เปรี้ยวปาก @SiamAMAZINGPark” จัดขึ้นภายใต้ แนวคิด “The Best
of AMAZING Bangkok” ผนึกกำลังกับพันธมิตร รายการเปรี้ยวปาก รายการวาไรตี้ กิน-เที่ยว ออกอากาศ​ทาง​ช่อง 3HD (ช่อง 33) หวังมอบความสุข สนุกครบรส พร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ทุกครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันในบรรยากาศ​สุดชิคใกล้กรุงเทพฯ เติมเต็มชีวิตชีวา​ให้สมาชิกในครอบครัว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย​ สร้างบรรยากาศ​แห่งความสุขของทุกครอบครัวหวนคืนมาอีกครั้ง บนแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของสยามอะเมซิ่งพาร์ค ในโซนบางกอกเวิลด์
ภายในงานพบกับไฮไลต์ 6 โซนกิจกรรม ได้แก่ 

โซนที่ 1 : พาหุรัด รวม Street Food ร้านดังที่คัดมาแล้ว
จากออร์เดอร์สุดปัง การันตีความอร่อยระดับแนวหน้าจากรายการเปรี้ยวปากมารวมไว้ที่นี่ 
โซนที่ 2 : สำเพ็งจัด
เต็มร้ำนค้าคุณภาพ อุดหนุนสินค้า OTOP SME วิสาหกิจชุมชน ศูนย์ศิลปาชีพ ฯลฯ ของใช้ สินค้าแฟชั่น งานฝีมือ
รวมของดีมาไว้ อย่างครบครัน
โซนที่ 3 : ไชน่าทาวน์ รวมร้านอาหารสไตล์เยาวราช สินค้าสุดปัง และนวดคลายเส้นสุดฟิ น 
โซนที่ 4 : อนุสาวรีย์ สนุกสุดหรรษากับเกมงานวัด อาทิ ปาโป่ง, ยิงปืน, โยนห่วง, สอยดาว, เวที Street Show in Bangkok World, ดนตรีเปิดหมวก, Juggling Show, Bozo ขายาว, บิดลูกโป่ง 
โซนที่ 5 : เสาชิงช้า พบกับสินค้า OTOP สินค้าออร์แกนิกกว่า 45 ร้ำนค้า พร้อมกิจกรรมพิเศษ! รำวงเกี้ยวสาว (รายได้ หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคเพื่อการกุศล) 
โซนที่ 6 : Bangkok Theater หลบร้อน นอนดูหนัง เพลิดเพลินยามค่ำคืนกับหนังดังที่ คุณคิดถึง


ดร.ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดซัมเมอร์นี้เที่ยวสนุกเร้าใจกับเครื่องเล่นตัวท็อป
มำตรฐานสากล สนุกสุดปังในสวนน้ำ​ พร้อมชมประติมากรรมทรายขนาดยักษ์ สนุกฟรี!! กับกิจกรรมซัมเมอร์แคมป์ โดนๆ ทั้งกิจกรรมวิทยาศาสตร์​จาก อพวช. และท้องฟ้า​จำลอง กิจกรรม Music Talent จากน้องๆเยาวชนมากฝีมือ กิจกรรมกีฬา Aqua Aerobic แอโรบิกในทะเลเทียมใหญ่ที่สุดในโลก รับรองโดยกินเนสส์ เวิลด์เรคคอร์ดส และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆอีกมากมายตลอดเทศกาล
เที่ยวสยามอะเมซิ่งพาร์คสุดคุ้ม เปิดบริการทุกวัน บางกอกเวิลด์เที่ยวฟรี!! สวนน้ำ​สวนสนุกเริ่มต้นเพียง
150 บาท ซื้อบัตรล่วงหน้าราคาพิเศษได้ทาง www.ticket.siamamazingpark.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
line @siamamazingpark
ด้านนางสาวภริตา วิริยารังสฤษฎ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทม์ บรอดคาสท์ จำกัด ผู้ผลิตรายการเปรี้ยวปาก เปิดเผยว่า สำหรับการจัดงาน “AMAZING Big Holiday 2023 x เปรี้ยวปาก
@SiamAMAZINGPark” ในครั้งนี้ รายการเปรี้ยวปากได้ คัดร้านอร่อยจากทั่วไทยที่อร่อยเด็ดมาไว้ ให้ช้อป ชิม ชิล
ในที่เดียว ได้แก่ ร้านเฮียบอย จ๊อปู จ๊อปูลูกใหญ่ปูเน้นๆ เต็มคำ สดใหม่ สะอาด รสชาติอร่อยถูกใจ นอกจากนี้ยังมีลูกชิ้นปลา แป้งน้อย ไม่คาว หอมอร่อย ทอดมันปลากราย เนื้อปลาเหนียวนุ่ม เข้มข้น อร่อยกลมกล่อม ร้านกันธิมาขนมจีนน้ำเงี้ยวข้าวซอย เมนู อำหารเหนือพร้อมเสิร์ฟร้อนๆ รสชาติลำแต้ๆ รสเข้มข้นเหมือนยกครัวเมืองเหนือมาไว้ที่นี่ เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยไก่ ข้าวซอยเนื้อ ร้านกินอะไรดี...สุกี้โรล สายสุขภาพต้องไม่พลาดร้านนี้เลย กับเมนู สุกี้โรล มีให้เลือกทั้งไส้หมูเด้ง ไก่น้ำมันงา ราดด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ด ร้านน้าติ ผัดไทย-หอย
ทอด เมนูผัดไทยรสชาติ อร่อยกลมกล่อมเเบบไม่ต้องปรุง ส่วนหอยทอดจัดมาเเบบกร๊อบกรอบ ใส่หอยเเบบจุกๆ กินคู่กับน้ำจิ้มรสชาติเข้มข้น ร้านเฮียหมู สะเต๊ะ หมูสะเต๊ะสูตรโบราณ หมูนุ่ม หอมกะทิ ไม้ใหญ่ ไร้มัน สะอาดรสชาติเข้มข้น กินคู่น้ำจิ้มสูตรเด็ดรับรองไม่ผิดหวัง สายแซ่บต้องไม่พลาดร้านหม่าล่าคุณชายสาม ยำสเตชั่น @บีทีเอสเสนานิคม หม่าล่าคุณชาย 3 รสชาติแซ่บยืนหนึ่ง และมีทั้งเมนู ส้มตำ ยำ รสชาติจี๊ดจ๊าด ร้านแซ่บปากสั่น ผลไม้สด ผลไม้ดองหลากหลายราดพริกเกลือกะปิแห้ง น้ำปลาหวาน รสแซ่บ เอาใจสายชอบของกินเล่นแบบถึงใจ
เมนูขนมหวาน ของกินเล่น และเครื่องดื่มก็มีให้เลือกสรร ได้แก่ ร้านขนมเบื้องกานดา เมนู ขนมเบื้อง
ครีมละมุน รสชาติ หวานกำลังดี ร้าน Sister Cheese เมนู ชีสบอลที่ใช้ มันฝรั่งนำเข้าจากอเมริกา กรอบนอก นุ่มใน เนื้อแน่น ราดชีส หอมๆ หวานๆ ร้านขนมบ้าบิ่นมะพร้าวน้ำหอมองค์พระปฐมเจดีย์ตลาดซอย 7 ขนม
บ้าบิ่นร้านดังนครปฐม ทำสดใหม่ร้อนๆ จำกเตาทุกชิ้น แป้งหอมนุ่ม หนึบหนับ มะพร้าวแน่นๆ หวานกำลังดี กัดไปคำไหนก็ฟิน ร้าน NANAKE เก๊กฮวย ร้านเก๊กฮวยในตำนาน เสิร์ฟความหวานหอมแบบยกขวด ดื่มแล้วสดชื่นับกระหาย ร้านชื่นใจ by Joy เครื่องดื่มสุดสดชื่นจากสาวสวย คุณจอย-รินลณี ออกบูทที่ไหนแฟนคลับก็ให้การตอบรับอย่างดี มาพร้อมสติกเกอร์อะโรมากลิ่นมินต์สำหรับติดแมสก์เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้หายใจโล่ง ร้านนายกอล์ฟปาท่องโก๋ ปาท่องโก๋ต่อแถว! ขายดี ออร์เดอร์ล้นทุกอีเวนต์ ทอดสดใหม่ ชิ้นใหญ่ แป้งนุ่ม กรอบนอก
ไม่อมน้ำมัน จิ้มกินกับสังขยาหรือนมข้นหวานบอกเลยฟินมาก นอกจากนี้ พบกับศิลปินดาราดัง คอนเสิร์ตและเงาเสียงสุดปัง ทุกวันเวลา 19.00 น. ณ เวทีคอนเสิร์ต
โซนพาหุรัด ดังนี้ 
วันที่ 17 มี.ค. 2566 พบกับ เต๋อ-ฉันทวิชช์ จอย-รินลณี พิธีกรคู่หูสายกินจากรายการเปรี้ยวปาก
อร-พัทธ์ธีรา เเละชมคอนเสิร์ต มิว-ศุภศิษฏ์ แบบใกล้ชิดติดขอบเวที ในช่วงพิธีเปิดฯ
วันที่ 18 มี.ค. 2566
พบกับ บอนซ์ -ณดล วันที่ 19 มี.ค. 2566 พบกับ เงาเสียงติ๊กชีโร่ /มัม 
วันที่ 20 มี.ค. 2566 พบกับ INDIGO 
วันที่ 21
มี.ค. 2566 พบกับ เงาเสียงตั๊กเเตน-ชลดา และตูน บอดี้สเเลม 
วันที่ 22 มี.ค. 2566 พบกับ เงาเสียงปำล์มมี่ 
วันที่
23 มี.ค. 2566 พบกับ ไรอัน ไมค์หมดหนี้ 
วันที่ 24 มี.ค. 2566 พบกับ เต๋า-ทัศนัย
25 มี.ค.2566 พบกับ เงาเสียง
เบิร์ด-ธงไชยและแอ๊ด คาราบาว 
วันที่ 26 มี.ค. 2566 พบกับ ตรี-ชัยณรงค์
พลาดไม่ได้! สนุก สุดฟินกันได้ที่งาน “ AMAZING Big Holiday 2023 x เปรี้ยวปาก
@SiamAMAZINGPark” ระหว่างวันที่ 17-26 มีนาคม 2566 เวลา 11.00-21.00 น. ณ บางกอกเวิลด์ โซน
ทางเข้าใหม่ของสยามอะเมซิ่งพาร์ค ติดตามรายละเอียดงานได้ที่ https://www.facebook.com/Preawpakth
และ https://www.facebook.com/siamamazingpark

#เปรี้ยวปาก #BangkokWorld #AMAZINGBigHoliday2023xเปรี้ยวปาก
#ที่สุดของกรุงเทพ #สวนสยาม #bangkok #แลนด์มาร์คเปิดใหม่ 
#ที่เที่ยวกรุงเทพ
#ตะลอนไปทั่ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
คุณจินดำ แดงสกุล (ดำ) ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 09-8874-4626
คุณภูวนัตถ์ วงศ์พึ่งกิจ (หนุ่ม) เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ โทร. 06-3189-2442
คุณสุวิตรา เต็มภาชนะ (วิวลิ่ง) เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ โทร. 09-2248-4690
บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด
42/38 ซอยโชคชัยร่วมมิตร ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร.0-2691-4126-30 ต่อ 1317 E-mail : prnews.media0@gmail.com