วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

MYAirline สายการบินใหม่พร้อมรุกตลาดไทย มอบนิยามใหม่ของประสบการณ์การเดินทาง


กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 5 กรกฎาคม 2566 – MYAirline สายการบินชั้นนำน้องใหม่จากประเทศมาเลเซีย เผยความสำเร็จของการขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยด้วยเที่ยวบินปฐมฤกษ์สู่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 ซึ่งนับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของกลยุทธ์การเติบโตระยะที่ 2 ของสายการบินฯ และเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จครั้งนี้ MYAirline ได้จัดงาน Media Roundtable เพื่อแนะนำสายการบิน MYAirline แก่สื่อมวลชนชั้นแนวหน้าและผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการในฐานะสายการบินน้องใหม่ที่พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ 
“กรุงเทพฯ ได้รับเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศแห่งแรกของ MYAirline เนื่องจากจำนวนนักเดินทางเพื่อธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าและออกจากประเทศมาเลเซียเพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2566 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งประเทศไทยบันทึกสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยรวม 1,696,358* คนเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 76,420* คนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตสูงขึ้นถึงร้อยละ 2,119.78 และทำให้ปัจจุบันมาเลเซียเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่มีส่วนสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย อีกทั้ง เรามั่นใจว่าแนวโน้มการเติบโตนี้จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างมาเลเซียและไทยจะยังคงพัฒนาต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า” คุณเรเนอร์ เทียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน MYAirline กล่าว 
MYAirline ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 2564 ให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์ออกจากอาคารผู้โดยสาร 2 ของท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA2) ไปยังจุดหมายปลายทาง 3 แห่ง ได้แก่ กูชิง โคตาคินาบาลู และลังกาวี เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 นับตั้งแต่นั้นมาได้มีการขยายเส้นทางบินภายในประเทศสู่ 9 เมืองได้แก่ กัวลาลัมเปอร์ กูชิง โคตาคินาบาลู ลังกาวี โคตาบารู ปีนัง ซีบู ตาเวา และมีรี และเส้นทางภายในรัฐซาบาห์จากโคตาคินาบาลูไปยังตาเวา
MYAirline มุ่งหวังที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ด้วยการมอบบริการที่เหนือระดับแก่ผู้โดยสาร การเดินทางที่ปลอดภัยตรงเวลาและสะดวกสบายที่ไม่มีใครเสมอเหมือน และมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเพื่อประสิทธิภาพด้านต้นทุน สายการบินฯ ใช้เครื่องบินรุ่นเดียวคือแอร์บัส A320-200 ในการให้บริการ ทั้งนี้เครื่องบินของ MYAirline ได้รับการตกแต่งภายในใหม่ทั้งหมดพร้อมที่นั่งแบบปรับเอนด้วยวัสดุที่ยั่งยืนและน้ำหนักเบา ทำให้สายการบินสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากในระยะยาว

สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสายการบินที่ต้องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยสะท้อนให้เห็นถึงในส่วนของการดำเนินงานซึ่งรวมถึงการใช้ถุงเที่ยวบินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Flight Bags) อย่างเต็มรูปแบบและลดการใช้กระดาษในส่วนของงานสำนักงาน 

นอกจากนี้ MYAirline ยังภูมิใจในการนำเสนอบริการระดับชั้นนำแก่ผู้โดยสารทุกคน ตั้งแต่เที่ยวบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและความตรงต่อเวลาไปจนถึงการบริการให้ความช่วยเหลือทั้งภาคพื้นดินและบนอากาศยานอย่างเอาใจใส่ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารจะได้รับประสบการณ์การเดินทางใหม่และเพลิดเพลิน อีกทั้ง ยังมีบริการตอบข้อซักถามของผู้โดยสารโดยเจ้าหน้าที่ของสายการบินฯ ผ่านทาง live chat บนเว็บไซต์ ซึ่งแตกต่างจากสายการบินรายอื่น MYAirline ทั้งยังเป็นสายการบินแรกในภูมิภาคที่ใช้เครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เป็นกลางทางเพศสำหรับลูกเรือทุกท่านส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความเท่าเทียมกัน
ล่าสุดสายการบินฯ ได้ฉลองจำนวนผู้โดยสารครบ 1 ล้านคนภายในระยะเวลาการดำเนินการเพียง 6 เดือน และยังเป็นสายการบินแรกของมาเลเซียที่ให้บริการเที่ยวบินไปและกลับจากทั้งท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ทางสายการบินฯ กำลังอยู่ในระหว่างการรับมอบเครื่องบินทั้งหมด 20 ลำภายในสิ้นปีพ.ศ. 2566 โดยมีเป้าหมายที่จะมีเครื่องบินทั้งหมด 80 ลำภายในปีพ.ศ. 2570

 “MYAirline พร้อมที่จะพลิกโฉมการเดินทางด้วยเครื่องบินโดยการมอบการบริการให้ผู้โดยสารเป็นหัวใจสำคัญหลัก พร้อมด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่สู่ความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความยั่งยืน เรามั่นใจว่า MYAirline จะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจจากนักเดินทางทั่วโลก เนื่องจากเรากำลังขยายเครือข่ายเส้นทางบินไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่องภายในปีนี้” คุณเรย์เนอร์กล่าวทิ้งท้าย

*ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
- จบ - 

เกี่ยวกับสายการบิน MYAirline
MYAirline Sdn Bhd (หรือสายการบิน MYAirline) เป็นสายการบินน้องใหม่ของประเทศมาเลเซียที่ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม 2564 ให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์โดยเครื่องบินแอร์บัส A320-200 ทั้งนี้ เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินได้เดินทางออกจากอาคารผู้โดยสาร 2 ของท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 1 ธันวาคม 2565  
MYAirline มีแผนที่จะขยายเครือข่ายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่องภายในประเทศมาเลเซียและไปยังจุดหมายปลายทางระหว่างประเทศแห่งแรกคือกรุงเทพฯ ประเทศไทยในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 อีกทั้ง ยังคงขยายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่องไปยังประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อส่งมอบการบริการในการเดินทางอย่างพิเศษสุดโดยยังคงความเป็นสายการบินราคาประหยัดให้แก่ผู้โดยสารของเรา นอกจากนี้ เราใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ และการให้บริการของเราเพื่อให้ผู้โดยสารมีส่วนร่วมอย่างตรงไปตรงมาและเป็นไปอย่างราบรื่น
สามารถเยี่ยมชมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายการบิน MYAirline ได้ที่เว็บไซต์ www.myairline.my หรือผ่านแอคเคาท์ @flymyairline ทาง LinkedIn, Facebook, Instagram, TikTok, Twitter และ YouTube

วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) เปิดเส้นทางความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง นำอัตลักษณ์และวิถีชีวิตท้องถิ่นผ่านคติความเชื่อเรื่อง “พญานาค” เชื่อมต่อ 5 จังหวัดท่องเที่ยวภาคอีสาน

ศรัทธานำทาง เส้นทางนำเที่ยว

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) เปิดเส้นทางความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง นำอัตลักษณ์และวิถีชีวิตท้องถิ่นผ่านคติความเชื่อเรื่อง “พญานาค” เชื่อมต่อ 5 จังหวัดท่องเที่ยวภาคอีสาน 
ในวันนี้ 8 กรกฎาคม 2566 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการชุมชนท่องเที่ยว 
ร่วมเปิดกิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา “เส้นทางความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงศาสนา พัฒนาวัด ศาสนสถาน และชุมชน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิต พร้อมรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ
ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการชูเอกลักษณ์ประจำชาติประเภทสัตว์ในตำนาน ซึ่งได้ประกาศในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อสร้างให้เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และวัฒนธรรมของชาติ อีกทั้งยังเป็น Soft Power ในการนำทุนวัฒนธรรมมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและนำรายได้เข้าประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้ดำเนินการจัดงาน “เส้นทางความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง” โดยบูรณาการงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น รวมทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง นำอัตลักษณ์ วิถีชีวิตท้องถิ่นของคนลุ่มแม่น้ำโขงที่มีคติความเชื่อเรื่อง “พญานาค” มาเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เชื่อมต่อเส้นทางท่องเที่ยวในมิติศาสนาและวัฒนธรรม 5 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย จังหวัดนครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย และอุดรธานี
สำหรับเส้นทางความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขงของทั้ง 5 จังหวัดนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนริมแม่น้ำโขงที่สะท้อนผ่านความเชื่อความศรัทธาและภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ โดยเส้นทางดังกล่าวประกอบด้วย 1.จังหวัดนครพนม ได้แก่ วัดมหาธาตุ ลานพญาศรีสัตตนาคราช วัดพระธาตุพนม 2.จังหวัดมุกดาหาร ได้แก่ ลานพญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช พญาอนันตนาคราช วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ 3.จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ ถ้ำนาคา เจ้าปู่อือลือนาคราช 4.จังหวัดหนองคาย ได้แก่ พระธาตุหล้าหนอง วัดโพธิ์ชัย พระธาตุบังพวน และ 5.จังหวัดอุดรธานี ได้แก่ วังนาคินทร์ คำชะโนด ซึ่งเส้นทางดังกล่าวนี้ จะเป็นการเชื่อมต่อการท่องเที่ยว โดยนำอัตลักษณ์ และวิถีชีวิตท้องถิ่นจากคติความเชื่อเรื่อง “พญานาค” ต่อยอดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างเข้มแข็งและทรงพลัง
#Amazingthailand 
#โมเม้นต์ที่ใช่สร้างได้ไม่ต้องรอ
#ตะลอนไปทั่ว

วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

เสพธรรมชาติ​และโอโซน ณ คีรีวง

   มาสัมผัสอีกหนึ่งสถานที่ต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวนครศรีธรรมราช​ ที่นี่จุดชมวิวคีรีวง อยู่บริเวณ​ชุมชนบ้านคีรีวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นชุมชนที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา หนึ่งในนั้นคือเขาหลวง ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดในภาคใต้ เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ 
มีคลองท่าดีเป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่านหมู่บ้าน  นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของบ้านคีรีวงได้ตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้ เดือนกรกฎาคม-กันยายน
 นอกจากนี้ ตามที่พักต่างๆ ในหมู่บ้านคีรีวง ส่วนมากมีจักรยานไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวและผู้เข้าพัก เพื่อปั่นเที่ยวชมบรรยากาศและทัศนียภาพรอบหมู่บ้าน มีจุดเล่นน้ำหลักอยู่ในบริเวณ “หนานหินท่านาหา”
 ซึ่งบริเวณนั้นมีสะพานแขวนข้ามลำธารเป็นเอกลักษณ์เด่น ทั้งมีร้านอาหารให้บริการอยู่หลายร้าน จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเมื่อเดินทางมาถึงบ้านคีรีวง คือ “สะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดี” ซึ่งเป็นสะพานคอนกรีต ตั้งอยู่ในบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน เป็นจุดที่มองเห็นลำธารที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้านโดยมีทิวเขาน้อยใหญ่เป็นฉากหลังสวยงาม มา​ชาร์จ​แบตให้ชีวิตกัน... 💚🌿
#คีรีวง #หมู่บ้านคีรีวง #นครศรีธรรมราช #ล่องใต้ #เที่ยวใต้ #เมืองคอน #ตะลอนไปทั่ว #ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว #ชสท #มานะมานครมาหาศรัทธา #ทททภาคใต้ #หรอยแรงแหล่งใต้

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ช.ส.ท. พาล่องใต้ "มานะ มานคร มาหาศรัทธา" 6-10 ก.ค.นี้

ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) นำโดย คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรม ช.ส.ท. จัดโครงการท่องเที่ยวรถไฟมหาสนุก "มานะ มานคร  มาหาศรัทธา" ในวันที่ 6-10 กรกฎาคมนี้ 
โดยพาสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยววัยเก๋าส์ จำนวนกว่า 80 คน เดินทางโดยรถไฟขบวนทักษิณารัถย์  สู่จังหวัดนครศรีธรรมราช
 ในโอกาสนี้ 
    โดยได้รับเกียรติจาก คุณฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และว่าที่ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาส่งคณะเดินทาง 
 นอกจากนั้น ช.ส.ท. ได้นำคณะสื่อมวลชนและคนวัยเก๋าส์ทั้ง 84 คนได้สัมผัสและเรียนรู้ความเป็น "นครตามพรลิงค์" ในอดีต หรือนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน
เพื่อเก็บไว้เป็นความภาคภูมิใจว่า นครศรีธรรมราช คือหนึ่งในสยามที่เป็นเลิศในอารยะธรรม วัฒนธรรม และศิลปที่ควรเชิดชู
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว
#ชสท
#ตะลอนไปทั่ว
#มานะมานครมาหาศรัทธา
#ทททภาคใต้
#นครศรีธรรมราช
#หรอยแรงแหล่งใต้

วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

"สมเด็จธงชัย" มอบนโยบาย "หมู่บ้านศีล 5 " เชิงรุก แนะใช้สำนักปฏิบัติธรรมขับเคลื่อนงาน


ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม 

สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช)  หรือ "สมเด็จธงชัย" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" เป็นประธานการประชุมเพื่อรับมอบนโยบายในการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 
พร้อมทั้งมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้ง คณะกรรมการบริหารกลาง และคณะกรรมการบริหารของแต่ละหน ในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวด้วย  
สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กล่าวว่า นับตั้งแต่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินโครงการนี้มาตั้งแต่ต้นนั้น นับได้ว่าเป็นโครงการที่สามารถยังประโยชน์ต่อการสร้างสังคมให้มีความสุขด้วยหลักพุทธธรรม การดำรงชีวิต โดยนำหลักศีล 5 ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม และได้มีการพัฒนาโครงการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปี 2566 ได้มีการจัดทำระเบียบ ตั้งคณะกรรมการ โดยบูรณาการร่วมกันทั้งในส่วนของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และภาคเอกชน เห็นควรกำหนดกรอบ ทิศทาง แนวนโยบาย และยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน
โครงการดังกล่าว ในเชิงคุณภาพ มุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านจิตใจให้มากขึ้น โดยยึดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นหัวใจสำคัญ คือ หลักไตรสิกขา อันเป็นธรรมแห่งการพัฒนาชีวิตให้ประสบความสำเร็จตามหลักพระพุทธศาสนา คือ 1.อธิศีลสิกขา 2.อธิจิตตสิกขา 3.อธิปัญญาสิกขา  เพราะศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5  และต้องบูรณาการร่วมกับศิลปวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ความเป็นตัวตนของชุมชน การประกอบสัมมาชีพ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้การพระพุทธศาสนาดำเนินควบคู่ไปกับศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป ซึ่งจะยังประโยชน์ให้พุทธศาสนิกชน มีศีล มีธรรม มีสุข ได้อย่างมีรูปธรรม ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารกลางต้องจัดทำแผนในการปฏิบัติ เพื่อความชัดเจน และนำสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ขณะที่คณะกรรมการประจำ ต้องออกตรวจการ และติดตามการดำเนินการ โดยกำหนดเป้าหมายในระยะเริ่มต้นปีงบฯ 2566 
และรายงานผล สรุปผลการดำเนินโครงการในรอบปีที่ผ่านมา โดยให้ผู้แทนแต่ละภูมิภาคสรุปปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข  

สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กล่าวต่อไปว่า ในฐานะที่ตนได้รับมอบหมายเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ  ขอเสนอแนะให้มีการทำงานเชิงรุก เพื่อให้สามารถทำงานกับชุมชนได้อย่างราบรื่น โดยเสนอให้ใช้สำนักปฏิบัติธรรมแต่ละจังหวัด เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานแต่ละภูมิภาค เพราะโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้องเพิ่มศักยภาพสู่สมาธิ และเพิ่มศักยภาพให้ประชาชนมีปัญญา ส่งผลให้สังคมมีปัญญา และสันติสุขจะเกิดขึ้น  และขอฝากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่า โครงการนี้ต้องเชื่อมโยงกับภารกิจของพศ. ด้วย โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) แต่ละจังหวัด ต้องประเมินและสรุปการทำงานเพื่อวางแนวทางในการพัฒนาให้เดินหน้าต่อไป จะได้รู้ว่าปีต่อไปจะต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไร ให้สอดคล้องกับสังคม 

วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับเพจอีจัน และหน่วยงานพันธมิตร จัดกิจกรรมตอบโจทย์ประสบการณ์และคุณค่าแห่งชีวิต พิชิตเกาะ "สิงโตชาเลนจ์" เดิน ว่าย พายคายัค เพื่อระดมทุนสร้างโรงเรียนเด็กพิเศษ บนพื้นที่ 3 ไร่ อ.หัวหินจ.ประจวบคีรีขันธ์



เช้าวันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566) เวลา 06.30 น. ณ บริเวณหน้าหาด โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น คาราเพซ หัวหิน 
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมทั้งคุณสมปรารถนา นาวงษ์ (เพจอีจัน)และผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตรร่วมเปิดงาน "พิชิตเกาะสิงโตชาเลนจ์" โดยมีกิจกรรม ว่ายน้ำข้ามเกาะระยะทาง 5 กิโลเมตร, พายคายัค ระยะทางรวมกว่า 13 กิโลเมตร และแต่งชุดไทยเดินแห่เทียนริมทะเลครั้งแรกของประเทศไทย
กิจกรรมดังกล่าวฯ เป็นกิจกรรมการแข่งขันกีฬาทางน้ำ โดยเปิดรับคนพิการและประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรม ถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเล่นกีฬาตามความถนัดความสนใจ ให้ได้รับความเพลิดเพลินความสนุกสนานตื่นเต้นและประสบการณ์อันน่าประทับใจ ส่งผลให้ได้มีคุณค่าและคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เกาะสิงโตเป็นที่รู้จักและเป็นเลนมาร์คจุดมุ่งหมายปลายทางใหม่ให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว และส่งเสริมผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.หัวหิน อีกหนึ่งช่องทางด้วย
#experienceTourism #กิจกรรมเพื่อชีวิต #AmazingThailand #เกาะสิงโต #พิชิตเกาะสิงโตชาเลนจ์ #365มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน #ตะลอนไปทั่ว

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2566

LIT Entertainment ได้เวลาแผลงฤทธิ์มากันยกค่ายจัด “สนามเด็ก LIT Concert”


 
ปรากฏการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นแล้วที่นี่ กับ “สนามเด็ก LIT Concert” คอนเสิร์ตครั้งแรกจากค่าย LIT Entertainment ที่ยกศิลปินมาทั้งค่าย ไม่ว่าจะเป็น PiXXiE, bamm, Proo Thunwa และ DIDIxDADA กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ผู้เติมไฟให้วงการเพลงไทยด้วยการร้อง การเต้น และการ Perform ที่การันตีด้วยเพลงฮิตที่เปิดทุกคลื่นวิทยุ ท่าเต้นที่คนเต้นตามจนกลายเป็นไวรัลใน Tiktok อย่าง “มูเตลู – PiXXiE”, “ฉันจะฉาปเธอ - bamm” จากการเก็บประสบการณ์ในวงการ T-Pop จนพร้อมที่จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าพวกเขาเนี่ยแหละ “เด็กมี LIT” และชวนทุกคนมาสนุกไปด้วยกันในรูปแบบคอนเสิร์ตในธีมสนามเด็กเล่น โดยให้ความหมายว่าสนามเด็กเล่นเป็นสถานที่ที่ถูกออกแบบมาสำหรับเด็ก LIT และเพื่อน ๆ เพื่อให้ทุกคนที่ชื่นชอบในจังหวะ ดนตรี และเสียงเพลงมาร่วมร้อง เต้น เล่น และแสดงความสามารถไปพร้อม ๆ กันกับเหล่าศิลปินวัยรุ่นจากค่าย LIT ชวนทุกคนมาแผลงฤทธิ์ ปลดปล่อยความเป็นเด็ก ณ สนามเด็กเล่น LIT แห่งนี้!
แฟน ๆ เตรียมตัวให้พร้อมกับความสนุกที่เหล่าศิลปินจะขนมา เสิร์ฟให้คุณตรงหน้า แล้วพบกันในวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคมนี้ ที่ Union Hall, ศูนย์การค้า Union Mall จับจองที่นั่งกันให้ดี เริ่มจำหน่ายบัตรวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2566 เวลา 10.00 น. ทาง The Concert Application หรือ www.theconcert.com บัตรราคา 5,000 / 4,500 / 3,500 / 2,500 / 1,500 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อภายในวันที่1-3 กรกฎาคม 2566 สามารถกรอกโค้ด LITEARLY10 เพื่อรับส่วนลด 10% ต่อ 1 คำสั่งซื้อ! แล้วมาร่วมแผลงฤทธิ์ไปด้วยกัน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Social Media : LIT Entertainment